สิ้นสุดการเดินทางสำหรับฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างเป็นทางการ ในศึกชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงตั๋วไปแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยฟุตบอลทีมชาติไทยจบการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายให้กับซาอุดีอาระเบียไป 0-1 จากการลงแข่ง 4 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 2
แต่ในรายการนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสร้างความหวังใหม่ให้กับฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยฟอร์มการเล่นและความมุ่งมั่นของนักเตะทั้ง 23 คน รวมถึง อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ฟุตบอลไทยอยู่ในระดับใดของเอเชีย
แม้ว่าสุดท้ายเราจะไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย แต่ตลอดการแข่งขัน 4 นัดที่ผ่านมา เราก็ได้บทเรียนและสิ่งที่น่าสนใจจากฟุตบอลทีมชาติไทยตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา
ความหวังใหม่ของฟุตบอลไทย
Photo: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม / THE STANDARD
หลังจบการแข่งขันซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ แฟนบอลรวมถึงสื่อมวลชนหลายๆ คนก็ยอมรับว่า ไม่มีความหวังกับทีมชาติไทยชุดสู้ศึกซีเกมส์ที่จะก้าวขึ้นมาต่อกรกับการแข่งขันระดับชิงแชมป์เอเชีย
เนื่องจากการแข่งขันระดับภูมิภาคอาเซียนครั้งนี้ ฟุตบอลทีมชาติไทยตกรอบแรก พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ไม่สามารถต่อกรกับคู่แข่งได้มากนัก
ดังนั้น เมื่อการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียเริ่มต้นขึ้น ด้วยทีมที่เราต้องพบเจอในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งบาห์เรน ออสเตรเลีย อิรัก ต่างก็ทำให้หลายฝ่ายไม่เชื่อมั่นว่า ไทยจะสามารถผ่านรอบนี้ไปได้ด้วยนักเตะชุดเดิม
แต่ผลปรากฏว่า ไทยออกสตาร์ทเกมแรกในฐานะเจ้าภาพได้อย่างสมศักดิ์ศรี ด้วยการเอาชนะบาห์เรนไปถึง 5-0 บวกกับสไตล์การเล่นเกมรุกที่รวดเร็วและดุดัน จนหลายคนต้องถามว่า “นี่ใช้ชุดเดียวกับซีเกมส์จริงหรือ”
บวกกับผลงานที่เหลืออีก 2 นัด จากการเสมอและแพ้ ส่งให้ไทยผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์รายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แม้ว่าไทยจะสามารถผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ แต่ก็เหมือนกับที่นิชิโนะเคยกล่าวไว้หลังจบรอบแบ่งกลุ่มว่า
“การเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น”
เนื่องจากผลงานในรอบ 8 ทีม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงจุดที่เราสามารถทำได้ดีและจุดที่ต้องแก้ไข ซึ่งประสบการณ์นี้เองจะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจให้กับนักเตะ
ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนที่ทั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไข นั่นคือสภาพร่างกายของนักเตะไทยที่ยังไม่สามารถต่อกรกับทีมระดับเอเชียได้
อากิระ นิชิโนะ ช้างศึกในคราบซามูไร
Photo: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม / THE STANDARD
จุดเด่นที่ผ่านมาของฟุตบอลทีมชาติไทยคือ ความสามารถเฉพาะตัว รวมถึงความเร็วของนักเตะในเกมรุกที่สามารถจู่โจมคู่แข่ง แต่ปัญหาที่ผ่านมาตลอดคือ เกมรับของไทยที่ไม่สามารถต่อกรกับเกมรุกของคู่แข่งระดับเอเชียได้
ที่ผ่านมาในรายการนี้ ทีมชาติไทยแม้ว่าจะพ่ายให้กับออสเตรเลียและซาอุดีอาระเบีย แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นคือ การช่วยเหลือกันในเกมรับของไทย ไม่ว่าจะเป็นการซ้อนตัวประกบ หรือการรีบวิ่งกลับมาแย่งบอลคืนหลังจากที่เสียบอล ทำให้เกมรับของไทยเริ่มอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น
ส่วนเกมรุกเองนั้น ไทยสามารถนำเอาจุดเด่นออกมาใช้ประโยชน์สูงสุดได้ ด้วยเกมรุกที่เน้นการต่อบอลสั้นอย่างรวดเร็ว และความเข้าใจกันของนักเตะในเกมรุก จนสามารถสร้างประตูที่สวยงามได้หลายประตูในรายการนี้
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในเกมรุกนั้นเกิดขึ้นจากการที่นิชิโนะได้ปลุกเร้าให้นักเตะไทยทุกคน ตั้งแต่ชุดเยาวชนจนถึงชุดใหญ่ ให้มีความกล้าในการแสดงออกกับการแข่งขันระดับสูง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเราอยู่ในระดับไหน
รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะในการต่อกรกับทีมที่มีศักยภาพที่สูงกว่า จนสุดท้ายเราได้เห็นแล้วว่า ความมั่นใจในบางครั้งก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผลงานได้อย่างแท้จริง
เบนจามิน เดวิส กับการแจ้งเกิดในประเทศไทย
Photo: AFC
เบนจามิน เดวิส ลูกครึ่งไทย-เวลส์ วัย 19 ปี เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับความสนใจตั้งแต่การประกาศรายชื่อนักเตะ 23 คนสุดท้ายสำหรับรายการนี้ ซึ่งหลังจากการรอคอยจากเกม 2 นัดแรก ที่เขาไม่มีชื่อลงสนาม มาถึงเกมนัดที่ 3 เขาก็ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงสำหรับทีมชาติไทยในตำแหน่ง False 9 ลงสนามพบกับอิรัก
ฟอร์มการเล่นในเกมแรกของเขาต้องยอมรับว่า แม้มีหลายจังหวะที่ดูแล้วอาจยังไม่มีความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีม แต่ด้วยทักษะการเล่น สัมผัสบอลแรก และท่าทีที่ไม่เคยบ่นหรือโวยคู่แข่งที่เข้าปะทะเขาอย่างรุนแรงตลอดทั้งเกม ทำให้แฟนบอลหลงใหลในฝีเท้าและทัศนคติของเขาเป็นอย่างมาก
Photo: AFC
จนมาถึงช่วงนาทีที่ 88 ของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเขาลงมาเป็นตัวสำรอง เขาสามารถกระตุ้นทีมให้เดินเกมรุกได้อย่างดุเดือด จนเสียงนกหวีดสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น
สิ่งที่ เบนจามิน เดวิส ได้แสดงให้เห็นในทัวร์นาเมนต์นี้คือ คุณภาพของนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในลีกอังกฤษกับสโมสรฟูแลม ทั้งสัมผัสบอลแรก และการเลี้ยงบอลหนีตัวประกบ การจ่ายบอลที่สร้างความได้เปรียบ และการขยับหาพื้นที่อย่างต่อเนื่องในตำแหน่ง False 9
เป็นภาพสะท้อนของบทสัมภาษณ์ที่ อากิระ นิชิโนะ ได้ให้กับ THE STANDARD ไว้ว่า สิ่งจำเป็นสำหรับนักเตะเยาวชนไทยคือ การแข่งขันระดับสูงและความท้าทายในต่างแดน เพื่อพัฒนาศักยภาพและประสบการณ์ในการแข่งขันที่ดุเดือด
จากการได้เห็นฟอร์มการเล่นของ เบนจามิน เดวิส เพียงไม่นานในรายการนี้ ก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ว่า ในอนาคตที่เขาลงเล่นกับฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับทั้ง ชนาธิป สรงกระสิทธิ์ รวมถึง ธีราทร บุญมาทัน จะสร้างความหลากหลายให้กับเกมรุกของไทยได้มากขนาดไหน
กรพัฒน์ นารีจันทร์ – ทิตาธร อักษรศรี สองแข้งแจ้งเกิดบนเวที U23
Photo: AFC
ในเกมรับของทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มีนักเตะใน 2 ตำแหน่ง ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น นั่นก็คือ กรพัฒน์ นารีจันทร์ ผู้รักษาประตู และ ทิตาธร อักษรศรี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
โดย กรพัฒน์ นารีจันทร์ ด้วยความสูง 188 เซนติเมตร นับว่าเป็นรูปร่างที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู ด้วยวัยเพียง 22 ปี รวมถึงฟอร์มการเล่นตลอด 4 นัดที่ผ่านมา ถือว่าสามารถเซฟจังหวะสำคัญได้ในเกมที่ไทยเสมอกับอิรักในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงมีข้อผิดพลาดน้อย ทำให้เขาน่าจะเป็นหนึ่งในความหวังของอนาคตฟุตบอลไทย
ขณะที่ ทิตาธร อักษรศรี เป็นนักเตะที่สามารถแปลงคำสบประมาทจากช่วงซีเกมส์ ที่หลายคนมองว่า เป็นจุดอ่อนของกองหลังไทย และแปลงตัวเองเป็นหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงตลอด 4 นัดที่ผ่านมา ด้วยการเติมเกมรุก และสามารถกลับมาช่วยเกมรับได้ทันเวลา
จนกระทั่งในงานแถลงข่าวหลังจบเกมที่ไทยเสมอกับอิรักในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม นิชิโนะได้เผยว่า เขาอยากให้ทิตาธรมองอนาคตว่า เขาเป็นผู้ที่จะขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งแบ็กซ้ายจาก ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ทิตาธรมีเป้าหมาย และมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ในอนาคต
พร้อมกับปิดท้ายสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวไทยภายในห้องแถลงข่าวว่า “ฝากไปบอกอุ้มด้วยนะ”
ความทุ่มเทของทีมงานทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพ
Photo: ดิษยุตม์ ธนบุญชัย / THE STANDARD
แม้ว่าการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อาจยังมีหลายจุดที่ต้องได้รับการแก้ไขในด้านของความพร้อมในฐานะเจ้าภาพ
แต่สิ่งที่เราได้พบเห็นตลอดการตามรายงานข่าว 4 นัดที่ผ่านมา คือ เจ้าหน้าที่สนาม รวมถึงเจ้าหน้าที่สื่อที่ทำงานอย่างเต็มที่ตลอดเวลา โดยพวกเขาจะมาถึงสนามก่อนสื่อ และจะเป็นคนสุดท้ายที่เดินทางออกจากสนาม แม้ว่ากิจกรรมหลังจบเกมจะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
THE STANDARD จึงอยากเป็นเสียงเล็กๆ ที่ร่วมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแข่งขันให้เป็นไปตามระเบียบของ AFC รวมถึงในการร่วมสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากรายการนี้คือ นอกเหนือจากนักฟุตบอลทีมชาติไทยแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันน่าจะได้รับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับชิงแชมป์เอเชียมากพอสมควร
เนื่องจากเป้าหมายของวงการฟุตบอลไทยที่ต้องการไปเข้าร่วมแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ทั้งโอลิมปิกและฟุตบอลโลกแล้ว เรายังตั้งเป้าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการระดับนี้ในอนาคตอีกด้วย
Photo: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม / THE STANDARD
การแข่งขันรายการนี้นับเป็นบทเรียนและประสบการณ์สำคัญที่เราเองจะได้ประเมินระดับความพร้อมที่เรามีอยู่ สิ่งที่ต้องแก้ไขก็ต้องเร่งดำเนินการ สิ่งที่ทำดีอยู่แล้วก็ต้องพัฒนาขึ้นไป เพราะความสำเร็จของฟุตบอลในอนาคต เราได้วางเป้าหมายไว้แล้วว่า เราต้องการที่จะเข้าร่วมและเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้งฟุตบอลโลกและโอลิมปิกในอนาคต
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล