วันนี้ (13 มกราคม) เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 08.00 น.) พบว่า ผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลกของประเทศไทย เฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 134 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 48.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกกว่า 10% ทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ลดการกระจายตัวของฝุ่นได้พอสมควร พบ PM2.5 เกินมาตรฐานเพียง 2 พื้นที่ ประกอบด้วย ริมถนนสามเสน เขตพระนคร และริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง
ขณะที่ฝุ่น PM2.5 บริเวณภาคเหนือกลับมีการตรวจพบค่าฝุ่นที่สูงขึ้นกว่าปกติ โดยพบพื้นที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน (เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) 10 พื้นที่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เชียงใหม่ถูกยกให้เป็นพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก พบค่าฝุ่นที่ 172 US AQI และ PM2.5 ในปริมาณรวมที่ 96.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยสามารถแบ่งเป็น 10 พื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงได้ดังนี้
- ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (57)
- ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (55)
- ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (60)
- ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง (99)
- ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง (86)
- ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง (97)
- ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง (98)
- ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน (62)
- ตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ (98)
- ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (62)
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเฝ้าระวังสุขภาพ และควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด บำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทดแทนการใช้รถส่วนบุคคล ตรวจสอบและไม่ใช้รถขนส่งสาธารณะที่มีควันดำ และขอความร่วมมือสถานที่ก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรมควบคุมและลดการระบายฝุ่นและมลพิษทางอากาศด้วย
โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ได้ทางเว็บไซต์ AirVisual หรือทางแอปพลิเคชัน AirVisual ทั้งในระบบ Android และ iOS เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นบริเวณนั้นๆ
ภาพ: ธนดล ปิติ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล