สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 194 เสียง และงดออกเสียง 13 เสียง ผ่านญัตติว่าด้วยอำนาจก่อสงคราม โดยจำกัดอำนาจประธานาธิบดี ในการใช้กำลังทหารเพื่อก่อสงครามต่ออิหร่าน โดยประธานาธิบดีจำเป็นต้องได้รับการรับรองจากสภาคองเกรส ในการประกาศสงครามหรือผ่านกฎหมายให้อำนาจใช้กำลังทหารก่อน แต่มีข้อยกเว้น ให้ใช้กำลังทหารในกรณีจำเป็นและเหมาะสม ที่สหรัฐฯ ต้องป้องกันตนเองจากการโจมตีที่เกิดขึ้นฉับพลัน
การลงมติดังกล่าวผ่านไปอย่างราบรื่นตามที่พรรคเดโมแครต ที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรตั้งเป้าไว้ โดยมี ส.ส. ของพรรครีพับลิกัน 3 คน ที่ออกเสียงสนับสนุนมติ และ ส.ส. เดโมแครต 8 คน ที่ออกเสียงคัดค้าน
ทิม เคน ส.ส. พรรคเดโมแครต เป็นผู้เสนอมติดังกล่าว โดยอ้างถึงกฎหมายอำนาจสงคราม (War Power Act) ปี 1973 ที่อนุญาตให้สภาคองเกรส ตรวจสอบและจำกัดอำนาจประธานาธิบดีในการทำสงคราม ซึ่งรวมถึงการกำหนดขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีจะต้องแจ้งต่อสภาคองเกรสให้ทราบ ก่อนตัดสินใจดำเนินการทางทหาร และให้อำนาจสภาคองเกรสในการระงับปฏิบัติการทางทหารที่สั่งการโดยประธานาธิบดี
มติอำนาจสงครามฉบับนี้ ถือเป็นมติพ้อง (Concurrent Resolution) ที่ต้องผ่านการลงมติรับรองจาก 2 สภา และยังไม่แน่ว่าจะผ่านการรับรองในวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้หรือไม่ แต่หากผ่านการรับรองจากทั้ง 2 สภาแล้ว ก็สามารถบังคับใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอการลงนามรับรองจากประธานาธิบดี และประธานาธิบดีต้องยกเลิกคำสั่งใช้กำลังทางทหารต่ออิหร่านภายใน 30 วัน หลังจากที่มติดังกล่าวมีผล
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ในทางกฎหมายนั้น มติอำนาจสงครามดังกล่าว จะมีผลผูกมัดต่ออำนาจของประธานาธิบดีได้หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา มติอำนาจสงครามจะถูกเสนอต่อสภาคองเกรสในแบบมติร่วม (Joint Resolution) เช่น มติอำนาจสงครามในเยเมน แต่พรรคเดโมแครต เสนอมติอำนาจสงครามฉบับอิหร่านนี้ ในแบบมติพ้อง (Concurrent Resolution) ที่ไม่สามารถยื่นญัตติแก้ไขในสภาผู้แทนราษฎรได้ เพื่อให้แน่ใจว่ามติฉบับนี้ จะได้รับการโหวตต่อในวุฒิสภา
ขณะที่การเสนอมติอำนาจสงครามดังกล่าว มีขึ้นหลังพรรคเดโมแครตแสดงความกังวลต่อการใช้อำนาจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการสั่งโจมตีทางอากาศสังหารพลตรี กัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการคนสำคัญของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่าเธอไม่เชื่อว่าการกระทำของทรัมป์ จะทำให้สหรัฐฯ ปลอดภัยขึ้น
เควิน แมคคาร์ธีย์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน เรียกการลงมติดังกล่าวว่า เป็นการลงมติที่ไร้ความหมาย เช่นเดียวกับ วิป สตีฟ ส.ส. ของรีพับลิกัน ที่มองว่ามติอำนาจสงครามนี้ เป็นเพียงข่าวประชาสัมพันธ์เท่านั้น
ด้านทรัมป์ ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ก่อนหน้านี้ ว่าเขาหวังว่า ส.ส. ของรีพับลิกันทุกคนจะโหวตต้านมติอำนาจสงครามของ แนนซี เปโลซี และย้ำถึงความเร่งรีบและรวดเร็วของเปโลซี ในการโหวตถอดถอนเขาและทำได้สำเร็จ โดยที่ไม่เคยส่งเนื้อหาให้วุฒิสภาดู และกล่าวว่านี่เป็นเพียงการหลอกลวงและข่มเหงประธานาธิบดีอีกครั้งของเดโมแครต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
