ผู้ประท้วงในฮ่องกงชุมนุมเรียกร้องสิทธิพลเรือนของชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ในจีนเมื่อวานนี้ (22 ธันวาคม) โดยเหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นหลังผู้ประท้วงและตำรวจเกิดการเผชิญหน้าและปะทะกัน ซึ่งบางคนได้ขว้างขวดแก้วและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ ขณะที่ตำรวจได้ตอบโต้โดยใช้สเปรย์พริกไทยสลายการชุมนุม
สำนักข่าว Reuters รายงานว่าการชุมนุมส่วนใหญ่เมื่อวานนี้เป็นไปอย่างสงบ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ซึ่งโบกธงสัญลักษณ์อุยกูร์และถือป้ายโปสเตอร์เพื่อสนับสนุนชาวอุยกูร์ หลังมีรายงานว่าทางการจีนควบคุมตัวชนกลุ่มน้อยมุสลิมไว้เป็นจำนวนมากภายในค่ายกักกันในเขตปกครองตนเองซินเจียง และมีการทรมาน รวมถึงละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ขั้นรุนแรง
ผู้ชุมนุมมีทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ ซึ่งหลายคนแต่งชุดดำและสวมหน้ากาก พร้อมชูป้ายที่มีข้อความ เช่น “ให้อิสรภาพแก่อุยกูร์ ให้อิสรภาพแก่ฮ่องกง” และ “การปกครองตนเองแบบปลอมๆ ในจีนที่ลงเอยด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
การออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนชาวอุยกูร์มีขึ้นหลัง เมซุต โอซิล นักฟุตบอลชื่อดังชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกีของทีมอาร์เซนอล ได้ออกมาวิจารณ์ทางการจีนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียถึงนโยบายการปกครองที่โหดร้ายต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในซินเจียง
หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าวกับ Reuters ว่า “ฉันคิดว่าสิทธิเสรีภาพและอิสรภาพขั้นพื้นฐานควรมีสำหรับทุกๆ คน ไม่ใช่แค่เพียงฮ่องกงเท่านั้น”
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ที่นับถือศาสนาอิสลามในจีนรวมอย่างน้อย 1 ล้านคนที่ถูกกักขังภายในค่ายกักกันนับตั้งแต่ปี 2017 ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าจีนพยายามปรับทัศนคติคนเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนถูกทรมานอย่างโหดร้าย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยืนยันว่าค่าย ‘ล้างสมอง’ ที่ชาติตะวันตกกล่าวหานั้นเป็นสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่มีจุดประสงค์เพื่อลดการแบ่งแยกและสอนทักษะอาชีพใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำงานในสังคม พร้อมยืนกรานปฏิเสธว่าจีนไม่ได้กระทำทารุณต่อชาวอุยกูร์ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: