ผลการหยั่งเสียงนอกคูหา หรือเอ็กซิตโพล บ่งชี้ว่าชาวสหราชอาณาจักรได้เทคะแนนให้พรรคคอนเซอร์เวทีฟที่ประกาศจะทำ Brexit ให้สำเร็จ ซึ่งจะคว้าที่นั่งในรัฐสภาได้มากถึง 368 จาก 650 ที่นั่ง นับเป็นชัยชนะที่ดีที่สุดหลังจากการเลือกตั้งเมื่อ 32 ปีที่แล้ว
การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักรครั้งสำคัญที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายเรื่อง Brexit สิ้นสุดลงแล้วในเวลา 22.00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวหลายแห่ง อาทิ BBC, ITV และ Sky News ของสหราชอาณาจักร รายงานผลการสำรวจความเห็นหน้าหน่วยเลือกตั้งที่จัดทำโดยบริษัท Ipsos MORI พบว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟที่นำโดย บอริส จอห์นสัน จะคว้าชัยในการเลือกตั้ง โดยคาดการณ์ว่าจะได้ไปถึง 368 ที่นั่งจาก 650 ที่นั่ง หรือเท่ากับเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาสามัญ (House of Commons)
ผลโพลยังระบุว่า พรรคเลเบอร์จะได้ที่นั่งเป็นอันดับ 2 ที่ 191 ที่นั่ง, อันดับ 3 พรรคสกอตติช เนชันแนล (SNP) 55 ที่นั่ง, อันดับ 4 พรรคลิเบอรัล เดโมแครต 13 ที่นั่ง
และถ้าผลการเลือกตั้งจริงเป็นไปตามนี้ เท่ากับว่าคอนเซอร์เวทีฟจะได้เสียงเพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2017 ถึง 50 ที่นั่ง โดยหากย้อนกลับไปในครั้งที่คอนเซอร์เวทีฟประสบความสำเร็จถึงระดับนี้ครั้งล่าสุดคือการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 1987 หรือกว่า 32 ปีที่แล้ว
ขณะที่พรรคเลเบอร์จะสูญเสียที่นั่งไปถึง 71 ที่นั่ง ซึ่งพรรคเลเบอร์ไม่เคยคว้าที่นั่งน้อยเท่านี้เลยนับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งในปี 1935 เป็นต้นมา (อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งในปี 1935 สภามีที่นั่งรวม 615 ที่นั่ง ซึ่งน้อยกว่าปัจจุบันอยู่ 35 ที่นั่ง)
ส่วนพรรคลำดับรองลงไป เช่น พรรค Plaid Cymru พรรคการเมืองจากเวลส์ คาดว่าจะได้ 3 ที่นั่ง, พรรคกรีน 1 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ อีก 19 ที่นั่ง
หากผลการนับคะแนนเลือกตั้งสอดคล้องกับผลเอ็กซิตโพลว่าคอนเซอร์เวทีฟได้รับเสียงส่วนใหญ่ในสภา จะส่งผลให้การผลักดันดีล Brexit ให้ผ่านสภาของพรรคคอนเซอร์เวทีฟนั้นง่ายขึ้น แต่นี่อาจเป็นข่าวร้ายของพรรคเลเบอร์ที่พ่ายแพ้ครั้งสำคัญ และเป็นข่าวร้ายของผู้ที่สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป
ทั้งนี้การนับคะแนนเริ่มต้นแล้วในหลายพื้นที่ทั่วสหราชอาณาจักร และคาดว่าจะทราบผลการเลือกตั้งในเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 11.00 น. ในวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า