เพราะสิ่งที่ยากกว่าการทำดีคือ การทำดีอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง กว่า 106 ปีแล้วที่ ‘เอสซีจี’ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นดีเอ็นเอของบริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ล่าสุด ในงาน Thailand Corporate Excellence Awards 2019 ที่จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนองค์กรที่เป็นต้นแบบให้อีกหลายองค์กรได้พัฒนาบริหารจัดการธุรกิจทุกด้านให้ดียิ่งขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า สร้างความยั่งยืนให้สังคม โดยการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงทั่วประเทศ
ทีมผู้บริหารเอสซีจีกับบรรยากาศร่วมรับรางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2019
และแน่นอน หนึ่งในนั้นคือเอสซีจี ที่ปีนี้คว้าถึง 3 รางวัลพระราชทาน และ 5 รางวัลดีเด่น เป็นอีกหนึ่งรูปธรรมความสำเร็จขององค์กรที่ไม่หยุดพัฒนาเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยมีประโยชน์ของผู้คนเป็นปัจจัยสูงสุด
8 รางวัล ประกอบด้วย 3 รางวัลความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในสาขาต่างๆ ได้แก่
1. ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (Innovation Excellence) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13
2. ความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Excellence) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 17
3. ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Excellence) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10
นอกจากนั้นยังได้รับอีก 5 รางวัลดีเด่น (Distinguished Awards) ในสาขา
1. ความเป็นเลิศด้านการบริหารทางการเงิน (Financial Management Excellence)
2. ความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence)
3. ความเป็นเลิศด้านสินค้า / การบริการ (Product / Service Excellence)
และธุรกิจเคมิคอลส์ในเอสซีจียังได้รับรางวัลเพิ่มเติมในสาขา
- ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (Innovation Excellence)
- ความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence)
ผลิตภัณฑ์และบริการต้องตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง
ด้วยคำมั่นสัญญาของเอสซีจี ‘PASSION FOR BETTER’ ที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในวันที่โลกหมุนเร็วและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป สิ่งที่เราเห็นชัดที่สุดในปีนี้คือ ความมุ่งมั่นในการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า (Customer Value Proposition) สู่ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของตลาด มาดูกันว่า ผลลัพธ์ผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง
SCG HOME – Active OMNI-Channel ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จากเดิมที่การสร้างหรือต่อเติมบ้านเป็นเรื่องน่าปวดเศียรเวียนเกล้าสำหรับเจ้าของบ้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน หาช่างยาก ฝีมือได้มาตรฐานไหม ราคายุติธรรมหรือไม่ ทำแล้วทิ้งงานหรือเปล่า รวมทั้งไม่รู้จะซื้อของที่ไหน อีกทั้งปัจจุบันลูกค้าที่จะทำบ้านหรือก่อสร้างเกือบ 100% เริ่มต้นหาข้อมูลจากช่องทางออนไลน์ โดยพบว่า ลูกค้ามีการหาข้อมูลทางออนไลน์สลับกับไปที่ร้านนานถึง 6 เดือน กว่าจะตัดสินใจซื้อได้
นี่คือปัญหาฝังราก ซึ่งเอสซีจีแก้ Pain Point ด้วยการสร้างโซลูชันเรื่องบ้านและที่อยู่อาศัยแบบเต็มรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยตอบโจทย์ความสะดวกสบายเจ้าของบ้านแบบ One Stop Service ด้วยรูปแบบ Active OMNI-Channel เชื่อมต่อประสบการณ์ทั้งร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ทั้งด้านการให้คำปรึกษา การถอดแบบประมาณการ การสำรวจหน้างาน ตลอดจนการสั่งซื้อ ติดตั้ง และรับบริการหลังการขายอย่างครบวงจร ได้ความรู้อย่างถูกต้อง ได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เดียวจบ เพื่อบ้านที่ดีที่สุดของคุณ
เริ่มต้นจากศึกษาข้อมูลสินค้าและบริการในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
ไปดูสินค้าจริงและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่ SCG Experience
ในส่วนของช่างหรือผู้รับเหมาไม่ต้องน้อยใจ เอสซีจียังสร้าง Co-Working Space ศูนย์กลางสำหรับช่างและผู้รับเหมา ภายใต้ชื่อ ‘CPAC Solution Center’ เพื่อให้คำปรึกษาและบริการเทคโนโลยีโซลูชันงานก่อสร้างที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เรียกว่า ตอบโจทย์ในบริบทแวดล้อมอย่างครบวงจร
ยกระดับผู้รับเหมาด้วย CPAC Solution Center
หรืออย่างธุรกิจแพ็กเกจจิ้งที่เน้นตอบโจทย์บรรจุภัณฑ์ครบวงจรแล้ว ยังได้พัฒนานวัตกรรม ANGEL: Store on Cloud โซลูชันเพื่อตอบโจทย์การจัดการคลังอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือที่ช่วยยกระดับการทำงานของกระบวนการที่มีอยู่ให้สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยระบบที่ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนเว็บเบราว์เซอร์ สามารถใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
ANGEL: Store on Cloud
ANGEL มีขอบเขตการทำงานครอบคลุมตั้งแต่การ ‘รับ-เก็บ-จ่าย’ ช่วยให้การทำงานสะดวกและแม่นยำมากขึ้น ในขณะที่ใช้เวลาลดลง เนื่องจากเราใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทำงาน จึงสามารถลดกระบวนการทำงานได้ถึง 50% ทั้งยังช่วยลดประมาณการจัดเก็บสินค้าคงคลังได้ และด้วยระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ ทำให้งานเอกสารที่เคยเป็นเรื่องยุ่งยากกลายเป็นง่ายสุดๆ
ยกระดับประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยระบบที่ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนเว็บเบราว์เซอร์
ไม่ใช่แค่ในเชิงคอมเมอร์เชียลเท่านั้น ในกลุ่มธุรกิจเคมิคอลส์ ได้ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นำความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์มาคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต้นแบบ หุ่นยนต์เก็บขยะลอยน้ำ 4.0 (SCG Smart Litter Trap 4.0) มาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บขยะในพื้นที่น้ำนิ่งและพื้นที่ที่เข้าถึงลำบาก เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขยะในแหล่งน้ำ
โดยนำระบบ ML (Machine Learning) และ IoT (Internet of Things) มาใช้ ซึ่งต้องบอกว่า เจ๋งมากๆ นอกจากช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังออกแบบให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง ถือเป็นโปรเจกต์นำร่องไปสู่การพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมต่อไป
หุ่นยนต์เก็บขยะลอยน้ำ 4.0
จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างโปรเจกต์ที่เล่ามานี้ ได้รับการคิดมาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ที่สำคัญต้องควบคู่กับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้เอสซีจีคว้ารางวัลต่างๆ ด้านนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การที่ล่าสุด เอสซีจีได้รับรางวัล ต้นแบบองค์กรที่ยั่งยืน ต่อเนื่องปีที่ 5 บนเวที SET Awards 2019 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับธุรกิจในตลาดทุนไทย รวมถึง รางวัลชนะเลิศสุดยอดบริษัทการตลาดแห่งเอเชียประจำปี 2019 (Asia Marketing Excellence Award) จากสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (AMF) จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอสซีจีในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่ที่เอสซีจีเข้าไปดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ซึ่งทั้งหมดคือความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้ของเอสซีจี แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น PASSION FOR BETTER ของเอสซีจียังมีเรื่องราวดีๆ อีกมาก ติดตามต่อได้ใน bit.ly/2RQSDh9 และ www.facebook.com/SCGofficialpage