แม้ผู้อ่าน THE STANDARD ของเราส่วนใหญ่จะยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวคนทำงาน ที่สุขภาพร่างกายยังฟิตแข็งแรง แถมหลายๆ คนก็มีไลฟ์สไตล์อินเทรนด์ ใช้ชีวิตกันอย่างเอ็กซ์ตรีมสุดเหวี่ยง แต่รู้กันไหมเอ่ยว่า บางครั้งโรคภัยไข้เจ็บก็เหมือนกับเวรกรรม ที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาให้เราต้องตกใจ จนต้องหาทางดีลด้วย ถ้าโชคดีรู้ตัวเร็วก็รอดตัวไป แต่ถ้าโชคร้ายรู้ตัวช้า ก็…แย่แล้วสิ และหนึ่งในโรคภัยสมัยนี้ที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นลำดับต้นๆ ก็คงหนีไม่พ้น ‘โรคหัวใจ’ ซึ่งรู้กันไหมว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของทั่วโลกเชียวนะ

 

นี่เองเป็นสาเหตุที่เราอยากจะไปเซอร์เวย์ และขอความรู้จากศูนย์บริการทางการแพทย์ระดับท็อปของไทยที่เน้นในเรื่องโรคหัวใจโดยเฉพาะดูสักหน่อย และจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งพอมาถึงก็ได้รับการให้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่เขาเป็นอย่างดีเลย และพบว่า นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับโรคหัวใจโดยเฉพาะอยู่อย่างครบครัน อย่างห้อง Cath Lab ห้อง CCU* รวมถึงห้องพักผู้ป่วย และทีมแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญ กับบุคลากรสหวิชาการ ผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ แยกย่อยละเอียดเลย ทั้งศูนย์หัวใจ ศูนย์หัวใจเต้นผิดจังหวะ และล่าสุดที่เพิ่งเปิดให้บริการหมาดๆ ก็คือ ศูนย์ลิ้นหัวใจ 

 

เมื่อถามดูว่า ทำไมต้องมีหลายศูนย์แยกย่อยขนาดนี้ คำตอบที่ได้ฟังก็คือ “ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อยากจะมั่นใจได้ว่า ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจ การรักษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางอย่างตรงจุด ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับโรค ของผู้ป่วยแต่ละคน” พอได้ฟังคำตอบนี้แล้วก็รู้สึกประทับใจ เพราะแสดงให้เห็นว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เขาใส่ใจคนไข้มากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ได้เห็นว่า มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติมาตรวจรักษากันเพียบ และเห็นว่าหลายๆ คนนั้นถึงกับบินมาไกลจากต่างประเทศ เพื่อมารักษากันโดยเฉพาะเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็น ศูนย์รักษาโรคหัวใจชั้นนำของไทย ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศเรามากๆ 

 

 

ที่บำรุงราษฎร์… ดูแลหัวใจคุณด้วย ‘หัวใจ’

 

อย่างหนึ่งที่ THE STANDARD รู้สึกว่าน่าสนใจ และอยากจะบอกต่อเหลือเกินก็คือ การที่บำรุงราษฎร์เขาจัดเต็มทั้งทีมแพทย์ ทีมบุคลากรสหวิชาชีพ ให้ทำงานประสานกัน เพื่อมอบการรักษาที่ดีที่สุด ทั้งการจัดเต็มเครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เอาไว้พร้อมขนาดนี้ ก็เพราะว่า อีกไม่นานประเทศไทยของเราก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในอีก 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น ทีนี้เขาเลยต้องเตรียมพร้อมรับเอาไว้ เพราะ โรคลิ้นหัวใจ นั้นเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมตามอายุ ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้มีปริมาณผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงได้เปิดศูนย์ลิ้นหัวใจขึ้น จะได้ช่วยทั้งประชาชนและประเทศชาติ รับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ทันท่วงที นับว่าผู้บริหารของโรงพยาบาลเขามองการณ์ไกลกันมากจริงๆ 

 

TAVI เทคโนโลยีรักษาโรคลิ้นหัวใจสุดล้ำ

ไม่ต้องผ่าตัดเปิดช่องอก แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว

 

มีอยู่เทคโนโลยีหนึ่งที่ทำให้ ‘ว้าว!’ มากคือ โอ้โห เขามีเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘TAVI’ หรือ ‘Transcatheter Aortic Valve Implantation’ อยู่ด้วย ซึ่งอธิบายก่อนครับว่า ตามปกตินั้นวิธีการรักษา โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ในปัจจุบันทำได้ 3 วิธี ได้แก่ 1. รักษาตามอาการด้วยการให้ยา 2. ผ่าตัดเปิดช่องอกเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ส่วนวิธีที่ 3 ก็คือรักษาโดยเทคโนโลยี TAVI ตัวนี้แหละ มันคือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คุณหมอจะใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ หรือเจาะผ่านผิวหนังส่วนยอดหัวใจ

 

เมื่อสายสวนไปถึงตำแหน่งของลิ้นหัวใจเอออร์ติก ก็จะปล่อยลิ้นหัวใจที่ม้วนพับอยู่ออกจากระบบนำส่ง (Delivery System) เพื่อให้กางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจใหม่แทนของเดิมที่เสื่อม เรียกได้ว่า เป็นนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยในปัจจุบัน

 

นพ.วัธนพล พิพัฒนนันท์ 

ผู้อำนวยการศูนย์ลิ้นหัวใจ 

 

ขอไฮไลต์ข้อดีของวิธี TAVI อีกสักหน่อย คือ ตามปกติถ้าจะต้องผ่าตัดเปิดช่องอกเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจนั้น จะต้องพักฟื้นกันนานจนเหนื่อยอยู่ตั้งประมาณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน แต่ถ้าใช้วิธีรักษานี้ ก็จะทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย แถมยังฟื้นตัวได้เร็วเวอร์อีกด้วยนะ โดยใช้เวลาพักฟื้นเพียงประมาณ 5-7 วัน ก็กลับบ้านได้แล้ว 

 

นอกจากนี้การรักษาด้วยวิธี TAVI ยังเหมาะกับผู้ป่วยสูงวัย อย่างคุณย่าคุณยายที่อายุมากกว่า 80 ปี หรือคนที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคปอดหรือโรคอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถทนกับการผ่าตัดได้นานๆ อีกด้วย เมื่อเทียบกับการผ่าตัดเปิดช่องอกที่ใช้เวลาเฉลี่ยถึง 4  ชั่วโมง ก็ถือว่าใช้เวลาสั้นกว่าเยอะมาก คือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้นเอง โอ้โห! แถมคุณหมอยังคอนเฟิร์มว่า ได้ผลดี น่าพอใจมาก ผู้ป่วยแทบไม่มีอาการแทรกซ้อนอีกด้วย

 

เห็นไหมล่ะว่า ศูนย์ลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เขาทั้ง พร้อม และ ทันสมัย ขนาดไหน นอกจากนี้ผู้ป่วยยังจะได้รับการดูแลจากทีมเจ้าหน้าที่อย่างใส่ใจ นับตั้งแต่ตรวจเจอโรค คุณหมอจะให้คำปรึกษากับครอบครัวทั้งก่อนและหลังรักษา ทั้งยังติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้เลยว่า ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลรักษาตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด จนกลับมามีสุขภาพแข็งแรง

 

ดังนั้น หากตัวคุณเองหรือญาติพี่น้องคนใกล้ชิดเริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลม หมดสติ หรือแน่นหน้าอก ที่ทำให้สงสัยได้ว่าเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า หรือต้องการคำปรึกษา ก็อย่าลืมนึกถึงที่นี่ เพราะเขาพร้อมและเต็มใจสุดๆ ที่จะคอยให้การดูแล โดยสามารถแวะไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันก่อนได้ที่ bit.ly/335Rx2O แล้วก็อย่าลืมไปตรวจระวังโรคหัวใจกันอย่างสม่ำเสมอด้วยล่ะ 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล