หลังจากเริ่มสานสัมพันธ์ความรักต่างสายพันธุ์ระหว่างมนุษย์และแวมไพร์จาก Twilight ภาคแรกในปี 2008 ภาคต่ออย่าง The Twilight Saga: New Moon ก็ทำหน้าที่เสริมเรื่องให้เข้มข้น ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ ‘เจค็อบ’ เข้ามามีบทบาทในความรักสามเส้าข้ามสายพันธุ์ จนปลุกกระแส ‘ฉันอยากเป็นเบลล่า’ (แต่บางคนก็หมั่นไส้และรำคาญ) ขึ้นมาในหมู่สาวๆ ทั่วโลก
The Twilight Saga: New Moon เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ที่ลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2009 โดยเปลี่ยนผู้กำกับจาก Catherine Hardwicke มาเป็น Chris Weitz แต่ยืนพื้นด้วยนักเขียนบทคนเดิมอย่าง Melissa Rosenberg พร้อมนักแสดงเก่ายกชุด ทั้ง Kristen Stewart ในบทเบลล่า, Robert Pattinson ในบทเอ็ดเวิร์ด และ Taylor Lautner ในบทเจค็อบ
ตัวหนังดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของ Stephenie Meyer บอกเล่าเรื่องราวหลังจบสงครามในภาคแรก ที่เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจทิ้งระยะห่างเพราะคิดว่า ‘ความรัก’ ของเขาจะทำให้เบลล่าไม่ปลอดภัย และกลายเป็น เจค็อบ มนุษย์หมาป่าเพื่อนสนิทที่แอบรักเบลล่ามาแสนนาน ที่เสี่ยงชีวิตเข้ามาปกป้องเบลล่า และมหากาพย์รักสามเส้าระหว่างมนุษย์สาว แวมไพร์ และมนุษย์หมาป่าเริ่มต้นขึ้น
แม้จะถูกโจมตีจากนักวิจารณ์อยู่บ้างจากการวางโครงเรื่องและสร้างตัวละครให้น่าเชื่อถือน้อยไปหน่อย แต่กลุ่มแฟนคลับก็แสดงให้เห็นถึง ‘พลัง’ ของผู้ชมทั่วไป ไม่สนใจคำวิจารณ์ จน The Twilight Saga: New Moon สามารถทำเงินไปได้สูงถึง 709.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำสถิติเปิดตัววันแรกด้วยรายได้สูงสุดในขณะนั้นที่ 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พร้อมกับเปิดให้เหล่านักสู้หลากสายพันธุ์เข้ามาร่วมจักรวาล The Twilight Saga ต่อมาอีก 3 ภาค ที่แม้จะยังถูกวิจารณ์ในแง่ลบอยู่เรื่อยๆ แต่ก็กวาดรายได้มหาศาลไปได้เหมือนเดิม