×

โบ สุนิตา เป็นคุณแม่ที่ตลก สามีเกรงใจ และกำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 22 ปี

12.11.2019
  • LOADING...
โบ สุนิตา

HIGHLIGHTS

10 MINS. READ
  • โบ สุนิตา กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สองในรอบ 22 ปี ในชื่อ Rhythm of Beau Sunita จัดขึ้นในวันที่ 23-24 พฤศจิกายน
  • นอกจากการเป็นนักร้องเสียงดีที่ไม่มีใครปฏิเสธ สิ่งที่เราค้นพบจากการสัมภาษณ์โบในครั้งนี้คือ เธอเป็นคนที่ตลกมาก!
  • โบเป็นคุณแม่ที่อยากให้ลูกใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างสนุกสนาน ไม่ต้องเครียดกับการแข่งขัน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นภรรยาที่สามีต้องเกรงใจ
  • โบมีผลงาน 7 อัลบั้ม โดยอัลบั้มที่เธอบอกว่าเป็นตัวตนของเธอมากที่สุด คืออัลบั้มที่ 1 และ 7 
  • การทำเพลงของตัวเอง โบยึดหลักการที่เรียบง่าย คือจะไม่มีวันปล่อยเพลงที่เธอรู้สึกไม่ชอบ หรือจะกดข้ามออกมา

โบ สุนิตา เป็นคนตลก (มาก!)

 

คือคุณสมบัติที่ทำให้เราประทับใจ (และแปลกใจ) เมื่อได้นั่งคุยกับ สุนิตา จรรยาธนากร นักร้องสาวเสียงดี ที่อัลบั้ม Beau (พ.ศ. 2539) ทำสถิติยอดขายเกิน 1,000,000 ตลับ ได้เร็วที่สุดในระยะเวลาเพียง 28 วัน 

 

THE STANDARD POP มาพบกับโบในวาระสำคัญที่เธอกำลังจะจัดคอนเสิร์ต Rhythm of Beau Sunita คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง หลังทิ้งช่วงจากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกนานถึง 22 ปี 

 

นอกจากความตื่นเต้นที่เราจะได้ยินเสียงของเธอแบบสดๆ เต็มโชว์อีกครั้ง ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งที่นั่งคุยกัน ยังทำให้เราเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นแค่นักร้องคุณภาพ แต่ยังเป็นผู้หญิงที่รวยอารมณ์ขัน มองโลกด้วยความเข้าใจ ตอบคำถามตรงไปตรงมา เป็นคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกแข่งขัน และเป็นภรรยาที่มี ‘อำนาจ’ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในบ้านแต่เพียงผู้เดียว  

 

โบ สุนิตา

 

จังหวะชีวิตโดยรวมในตอนนี้ของ โบ สุนิตา อยู่ในสไตล์เพลงแบบไหน

ช่วงนี้เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ไม่ช้า ไม่สบาย อาจจะค่อนไปทางเร็วหน่อย ต้องกระตือรือร้นนิดหนึ่ง เพราะมีหลายบทบาทที่เราต้องทำ ทั้งการเป็นแม่ เป็นแม่บ้าน เป็นนักร้องที่ยังต้องทำการบ้าน ออกกำลังกาย ซ้อมร้อง วอร์มเสียง เพราะยังมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดเพิ่งไปคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) มาตอนนี้ก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองรออยู่ 

 

แต่ที่ทำให้เวลาผ่านไปเร็วที่สุด คือบทบาทการเป็นแม่ของน้องฮานิ วันหนึ่งหมดเร็วมาก หรือเทอมหนึ่ง ปีหนึ่งของการเรียนของเด็กคนหนึ่ง แป๊บๆ ต้องติวสอบอีกแล้ว เร็วมาก เร็วจนรู้สึกว่าเร็วเกินไปด้วยซ้ำ เพราะโบเป็นคนสบายๆ ชอบทำอะไรชิลๆ ตื่นมาอยู่กับตัวเอง อยู่กับเรื่องในบ้าน 

 

แต่พอมีลูก ทุกอย่างก็ไปอยู่ที่เขา ไปอยู่กับองค์ประกอบรอบๆ ของเขา เช่น ที่โรงเรียนคุณครูสั่งการบ้านมา ให้เตรียมของนั่นนี่ เราก็ต้องไปหาให้เขา แล้วเด็ก ป.4 อายุเพิ่ง 10 ขวบ ก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด มุมหนึ่งก็สนุก แต่อีกมุมก็ปวดหัว เหมือนต้องไปเริ่มเรียนกับเขาใหม่ ซึ่งเราเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือเลย (หัวเราะ) 

 

โบ สุนิตา

 

มองจากคุณแม่ที่ชอบใช้ชีวิตช้าๆ สบายๆ รู้สึกว่าเป็นจังหวะที่เร็วไปสำหรับลูกหรือเปล่า 

 

ไม่เป็นห่วง เพราะต่อให้รอบข้างไปเร็ว แต่ตัวฮานิสโลว์ ชิลเหมือนโบ (หัวเราะ) ชอบเก็บงานเอาไว้ หรือเวลาหยุดไป 1 วัน แล้วงานที่ค้างจะมีเยอะมาก เราก็ต้องคอยมาตามว่ามีอะไรต้องทำบ้าง แล้วเขาก็จะบอกว่า เดี๋ยวค่อยทำก็ได้แม่ สุดท้ายก็ต้องมาอัดทำตอนเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน แล้วก็เครียด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำ ซึ่งเหมือนตอนเราเด็กๆ เปี๊ยบเลย (หัวเราะ) 

 

ของโบยิ่งหนัก เพราะเป็นหลังห้องที่ไม่ดื้อนะ แต่ไม่เรียน ไม่ทำ แล้วก็ไม่ส่งไปเลย (หัวเราะ) จำได้ว่าในวิชาเลข มีเด็กในห้องโดนตีเพราะไม่ส่งการบ้านประมาณ 20 คน คนอื่นเขาดีขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหลือโบโดนตีคนเดียว เสมอต้นเสมอปลายมาก (หัวเราะ) 

 

พอมาเป็นแม่ โบเลยมีสองความรู้สึก คือเข้าใจที่ลูกขี้เกียจ ไม่ชอบให้ใครบังคับ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นความรับผิดชอบที่ลูกต้องทำ ก็จะใช้วิธีให้เขาสบายใจด้วยการบอกว่า พยายามทำงานเก็บเอาไว้เถอะลูก เวลาสอบจะได้ไม่เครียดมากตอนสอบ ถ้าคะแนนเก็บเยอะอ่านหนังสือสอบนิดเดียวให้ผ่านก็พอแล้ว 

 

โบมีเกณฑ์แค่ผ่านพอแล้ว และไม่ต้องการให้ลูกเรียนพิเศษเลย (เน้นเสียง) ยกเว้นวิชาที่เขาขอเรียนจริงๆ โบอยากให้ลูกได้อยู่ในโลกของความเป็นเด็กบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องเรียน โบไม่ปฏิเสธเรื่องการเรียนรู้ แต่ก็เชื่อในเรื่องต้องเรียนในสิ่งที่เด็กสนใจ แต่ละบ้านก็จะมีความเชื่อไม่เหมือนกัน แต่โบไม่ชอบให้ลูกเรียน (หัวเราะ) 

 

โบ สุนิตา

 

ไม่เป็นห่วงว่าโตไปแล้วเขาจะแข่งขันสู้คนอื่นๆ ที่เรียนพิเศษมาเต็มที่ไม่ได้บ้างเหรอ 

ลูกโบไม่เห็นอยากแข่งอะไรกับใครเลย (หัวเราะ) เวลาโรงเรียนมีแข่งมงกุฎเพชรวิทยาศาสตร์ แข่งความรู้พระพุทธศาสนา ฯลฯ ก็ถามว่าสนใจไหมลูก แล้วเขาก็จะส่ายหัวทันที ไม่เอาสักวิชา มีแค่ภาษาอังกฤษวิชาเดียวที่เขาขอเรียน ซึ่งโอเค เห็นตรงกันว่าสำคัญก็เรียนเสริมได้ 

 

โบรู้สึกว่าเราโชคดีนะ ที่แม่กับลูกมีนิสัยคล้ายๆ กัน ถ้าโบมีลูกที่ชอบการแข่งขันเราก็คงจะรู้สึกอีกแบบ หรือถ้าฮานิไปเจอกับคุณแม่ที่เขาเครียดกว่าเราก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้เราแฮปปี้กับสิ่งที่เป็นอยู่มาก เขาชอบบอกว่าโชคดีจังเลยที่มีแม่สนุก ร้องเพลงด้วยกันได้ เล่นด้วยกันได้ เขาไว้ใจเราเหมือนเพื่อน แล้วก็จะมีเรื่องที่โรงเรียนที่ดีบ้าง แย่บ้างมาเล่าให้เราฟังทุกวัน  

 

ที่คุยกันบ่อยๆ คือเรื่องเพื่อนที่โรงเรียน เรื่องคำพูดคำจา ซึ่งโบเปิดมากเลยนะเรื่องนี้ เคยถามเขาตรงๆ ด้วยนะว่าเคยพูดคำว่าเหี้ยหรือยัง เขาก็ยิ้มแล้วบอกว่าเพื่อนพูด แต่เขาไม่ได้พูด เต็มที่ก็มีใช้กู มึง ด่ากันว่าบ้าบ้าง ซึ่งพอฟังแล้วก็คิดถึงตัวเองตอน 10 ขวบ ที่เราไปไกลถึงไหนแล้ว รุ่นเรานี่มันแบบ ‘ที่สุดเลยเว้ยแก’ แล้วนะ (หัวเราะ) 

 

ถ้าตอนนั้นเขาตอบว่าพูดคำว่า เหี้ย แล้วขึ้นมาล่ะ 

พูดจริงๆ คือโบหลุดบ่อยมาก (หัวเราะ) โดยเฉพาะเวลาขับรถกับลูกแล้วตกใจ ไอ้เหี้ย ก็มาแล้ว ลูกได้ยินประจำ เพราะฉะนั้นถ้าเขาพูดโบไม่โกรธ แต่อาจจะถามเขาว่าพูดกับใครบ้าง เรารู้ว่าเพื่อนสนิทเขามี 4 คน ถ้าเขาพูดกับกลุ่มนี้เราโอเค แต่ให้พูดเบาๆ อย่าลงน้ำหนักเยอะ (หัวเราะ) โบไม่ได้โฟกัสที่การพูดคำหยาบ แต่เน้นเรื่องกาลเทศะ และระดับภาษาในการพูดที่เหมาะสมมากกว่า 

 

โบ สุนิตา

 

โมเมนต์ไหนของการเป็นแม่ที่คุณประทับใจ และไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้ได้เด็ดขาด

มันมีมาเรื่อยๆ นะ เลือกเฉพาะช่วงเวลาไม่ได้ แต่อยากเล่าให้ฟังว่าช่วงท้องของโบประหลาดมาก ตั้งแต่ตอนแรกที่คุยกับเล็ก (ฝันเด่น จรรยาธนากร-สามี) ว่าพร้อมจะท้องแล้ว ตั้งใจมีลูกแล้วนะ สิ่งที่ทำคือเข้ากูเกิลแล้วเสิร์ชคำว่า ‘วิธีทำลูก’, ‘ทำยังไงให้ติดเร็วๆ’ (หัวเราะ) บ้านโบเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วก็ทำตาม แป๊บเดียว เฮ้ย ติดจริงด้วย พอรู้ปุ๊บโบร้องไห้เลย 

 

เพราะว่าดีใจ

คิดว่าฉิบหายล่ะ ลืมนึกไป กลัวว่าจะไม่ได้ร้องเพลงอีกแล้ว อยู่กับความคิดนั้นตลอด ซึมๆ เศร้าๆ ร้องไห้ไปพักหนึ่งเลย (หัวเราะ) แต่ในความเศร้า ก็จะมีช่วงดีใจสลับกันนะ จนวันหนึ่งความรู้สึกชัดจริงๆ ตอนโบมีเลือดออกช่วงท้องเดือนที่ 4 แล้วตะโกนเรียกเล็กลั่นบ้าน หลังจากนั้นโบนั่งหน้าหิ้งพระ ไม่พูดอะไรอีกเลย นอกจากขอว่า ไม่นะ อย่าให้ลูกหลุดนะ ตอนนั้นล่ะ เพิ่งรู้ว่า เฮ้ย ลูกที่อยู่ข้างในสำคัญกับเราจริงๆ จากที่ร้องไห้เพราะกลัวไม่ได้ร้องเพลง กลายเป็นไม่เอาแล้วนะ ไม่ร้องเพลงก็ได้ แต่เขาต้องอยู่  

 

โบ สุนิตา

 

ความรู้สึกของการเป็นแม่คน มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจริงๆ ใช่ไหม 

ตอนคลอดก็เป็นอีก (หัวเราะ) ผีเข้าผีออก มันกลับไปกลับมา โบไม่เหมือนแม่คนอื่นเลยนะ ที่พอคลอดออกมาแล้วฟิน หรือรู้สึกรักแม่ของตัวเองมากขึ้น ของโบเป็นแบบ พอลูกมาแนบอกปุ๊บ แล้วคิดว่า นี่ใครวะ (หัวเราะ) ทั้งที่ก่อนหน้านั้นชอบมาก ที่รู้สึกว่าเขาดิ้นทุกวันตอน 4 ทุ่ม 

 

แต่พอออกมาจริงๆ แล้วเรารู้สึกว่า เอากลับไปได้ไหม ไม่เข้าใจว่าเราจะทำความรู้จัก รู้ใจเขาได้อย่างไร พอกลับมาถึงบ้านคืนแรก เราทำเตียงโอเวอร์ไซส์กว้างมากเลยนะ ปกติโบกับเล็กนอนคู่กัน คราวนี้เป็นเล็ก ลูกอยู่ตรงกลาง แล้วก็โบ 

 

ปกติลูกต้องเป็นคนร้องไห้ตอนกลางคืนใช่ไหม แต่พอหันไปมองลูก โบร้องไห้โวยวายอีกแล้ว (หัวเราะ) เธอเป็นใคร สำคัญมาจากไหน ทำไมถึงได้มานอนตรงกลาง เป็นบ้า เป็นโรคอะไรไม่รู้ เล็กเลยต้องเอาลูกมานอนด้านซ้ายแล้วตรงกลางเป็นโบ (หัวเราะ) ที่เขาบอกว่าคนท้องจะเซนสิทีฟมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ  

 

แต่ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็รู้สึกผิดว่าทำไมเอาลูกมานอนริม รู้สึกกลัวเขาไม่ปลอดภัยก็เริ่มหาเตียงเสริมให้เขา พอโตก็ให้เขามานอนตรงกลาง ผูกพันกันจนเขาโตขึ้นแล้วก็คิดว่า มันก็ไม่ยากนี่นา แล้วก็รักเขามากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว 

 

จนมีนิสัยหนึ่งที่ทำตั้งแต่เด็กๆ ติดมาจนถึงตอนนี้ที่เขา 10 ขวบแล้ว คือเวลานอนเขาจะเอาส่วนหนึ่งของร่างกายมาแตะตัวโบ ด้วยความที่เราตัวใหญ่ กลัวว่าจะทับลูก ก็เขี่ยขาเขากลับไป สักพักเขาก็มาแตะอีก เป็นไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ยังต้องมานอนแซะตัวโบอยู่เลย (หัวเราะ) จากวันหนึ่งที่เคยรำคาญ ตอนนี้กลายเป็นเราติด เราคิดถึงการแซะของเขาไปแล้ว 

 

โบ สุนิตา

 

ได้เตรียมใจสำหรับเหตุการณ์ที่วันหนึ่ง ลูกจะเติบโตขึ้น แล้วเขาจะไม่ได้มาใกล้ชิด มานอนกอด นอนแซะ คุณอีกต่อไปแล้วบ้างไหม 

วันหนึ่งเขาก็ต้องไปอยู่กับเพื่อน ไปอยู่ข้างนอก ไปแต่งงาน มีครอบครัว ก็คิดเอาไว้เหมือนกันว่าแฟนเขาต้องลำบากแน่ๆ เพราะจะเอาขาไปแซะตลอดเวลา (หัวเราะ) พอถึงตอนนั้นมันคงจะคิดถึงเนอะ แต่เชื่อว่าโบเป็นคนที่รับเรื่องนี้ได้นะ 

 

แล้วเราจะมองเรื่องนี้แบบเข้าใจมากๆ เข้าใจโคตรๆ นี่เป็นเรื่องที่ต้องยินดีเพราะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาเดินไปข้างหน้าทุกวินาที ไม่มีอะไรย้อนหลังได้ เพราะฉะนั้นต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันให้แฮปปี้ที่สุด เวลามีเรื่องอะไรก็พยายามบอกตัวเองว่าถ้าไม่สำคัญก็ปล่อยวางมันไป อะไรทิ้งได้ก็ทิ้ง ทำตัวเองให้เบาที่สุด เก็บไว้แต่เรื่องที่จำเป็นต้องอยู่กับตัวเราก็พอ  

 

โบ สุนิตา

 

นอกจากบทบาทการเป็นแม่ที่ดูผ่อนคลาย สนุกสนาน บทบาทการเป็นภรรยาของโบ สุนิตา เป็นลักษณะแบบไหน

โบกับเล็ก (ฝันเด่น จรรยาธนากร) โคตรจะเป็นเพื่อนกันเลย เพื่อนอีกแล้ว บ้านโบเป็นเพื่อนกันหมด (หัวเราะ) ภาพเราไม่ได้เป็นคู่ที่หวานมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เวลาซื้อดอกไม้ให้โบ รถติดอยู่ตรงสี่แยก ก็เปิดกระจกบอกน้องเอามากำหนึ่ง หันหน้ามาแล้วบอกว่า โบขอ 40 บาท (หัวเราะ)

 

เป็นเพื่อนกันจนมุมหวานมีน้อยมาก แต่เป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะท้ายที่สุดโบว่าชีวิตคืออยู่เป็นเพื่อนกัน รักกัน เบื่อกัน ทะเลาะกัน แล้วก็กลับมารักกัน วนไปวนมาเป็นลูปแบบนี้ เหมือนเป็นเพื่อนมากกว่า แต่ลึกๆ ในความเป็นเพื่อนคือเรารักและดูแลกันอยู่ 

 

เวลาความสัมพันธ์เข้าสู่ลูปเบื่อและทะเลาะกัน มีวิธีอย่างไรทำให้กลับมาอยู่ในช่วงรักกันอีกครั้งได้บ้าง 

ไม่ต้องทำอะไร เพราะต่อให้ทะเลาะแต่มันมีความเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นพื้นฐาน เช่น ฝารองชักโครกทำไมใช้แล้วไม่เคยปิดสักที ฝายาสีฟัน ฝาขวดน้ำ ที่ทุกคนกินแล้วปิดสนิทหมด ก็มีเล็กนี่แหละที่ปิดไม่สนิทสักที แล้วเราพลาดไปโดนแล้วหก ทำไมล่ะ บิดอีกนิดเดียวก็สนิทแล้วแท้ๆ เราก็โมโห แต่สุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของเราที่ไปปิดฝายาสีฟัน ปิดขวดน้ำดื่ม ขวดสบู่ ขวดน้ำหอม 

 

ถึงจะโมโห แต่ก็ยอมทำเพราะความเป็นห่วงความเรียบร้อยในบ้าน กลัวว่าเดี๋ยวจะมีคนมาทำหก

เป็นห่วงกลัวว่าเดี๋ยวกลิ่นออกหมดแล้วมันไม่หอม (หัวเราะ) 

 

โบ สุนิตา

 

มีเรื่องที่สามีจะเป็นฝ่ายโมโหคุณบ้างไหม

โบเป็นใหญ่ในบ้าน เขาไม่มีสิทธิ์โมโหโบ (หัวเราะ) ถ้ามีก็คงโมโหที่ไม่สามารถพูดอะไรได้นี่ล่ะ พูดมาก็แพ้เราทุกเรื่อง (หัวเราะ) 

 

ทำอย่างไรถึงจะกุมอำนาจในบ้านเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบนี้ได้

ไม่รู้สิ ค่อยๆ ซึมมามั้ง อาจจะเริ่มจากเวลาเราถามว่า จะซื้ออะไรดี พอเขาบอกมา เราไม่เชื่อ แล้วก็เป็นคนเลือกเองอยู่ดี (หัวเราะ) ซึ่งโบก็ดูจากราคา ดูจากความเป็นไปได้หลายๆ อย่าง ดูจากความเหมาะสม แต่เป็นความเหมาะสมของเรานะ (หัวเราะ) 

 

แต่ว่าจะเป็นแบบนี้ได้ก็ยากเหมือนกันนะ เพราะเราเป็นตัวเองแบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่ได้เป็นหลังจากแต่งงานหรือมีลูก สองปีแรกที่คบกันทะเลาะกันหนักมาก เลิกกันเป็นร้อยรอบ เพราะเอาคนไม่เหมือนกันมาอยู่ด้วยกัน สุดท้ายต้องเข้าใจนะว่าถ้าคบกันเธอเป็นแบบนี้ ฉันเป็นแบบนี้ ฉันเข้าใจที่เธอเป็น เธอก็ต้องยอมรับที่ฉันเป็นแบบนี้ด้วย 

 

โบ สุนิตา

 

กลัวตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นบ้างไหม

ไม่กลัวเลยค่ะ โบมีความรู้สึกว่าตัวเลขอายุเป็นเพียงเวลาที่มันเดินไป แต่ตัวเราที่อยู่ข้างในไม่ได้เดินไปไหน สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่ภาพลักษณ์ที่ดูแก่ขึ้น พร้อมกับสิ่งที่โตขึ้นคือสมอง ความคิด มุมมองต่างๆ ความเข้าใจโลก เข้าใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจความเป็นแม่ เข้าใจตัวเอง แต่ถ้าจำกัดความที่อายุ และความแก่จะช่างมันเลย ไม่เคยสนใจว่าเดี๋ยวจะอายุขึ้นเลข 4 เดี๋ยวจะ 45 ปี ต่อไปจะ 50 ปี โบเคยงงด้วยนะว่าปีนี้อายุเท่าไรแล้ววะ เพราะโบเลิกนับมานานแล้ว 

 

แปลกนะ ตอนเราอายุ 20 ปี เคยมองผู้หญิงอายุ 30 ปี ว่า โห แก่ แต่พออายุ 30 ปี 40 ปี ขึ้นมาจริงๆ อ้าวไม่เห็นจะแก่เลย ซึ่งเด็กมัธยมฯ ก็คงคิดว่า เราแก่มาก (หัวเราะ) แล้วโบว่าลึกๆ ในใจโบยังเป็นเด็กอยู่นะ ยังวัยรุ่นอยู่ แต่สภาพภายนอกก็ตามกาลเวลา บางทีเดินผ่านนักเรียนเด็กๆ ก็นึกในใจว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเด็กผู้ชายต้องวี้ดวิ่วใส่เราแล้วนะ แต่ตอนนี้เหรอมองผ่านแล้วก็เลยไปเลย โห แม่งกูแก่แล้วจริงๆ (หัวเราะ) แต่แล้วยังไงล่ะ ก็ใช่สิ กูแก่ 

 

ยังกลัวที่จะไม่ได้ร้องเพลง เหมือนช่วงที่กลัวตอนรู้ว่าจะมีน้องฮานิใหม่ๆ อยู่บ้างไหม 

ต้องบอกก่อนว่า ช่วงนั้นโบเหมือนจะหายไปจากการร้องเพลงจริงๆ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับลูกแล้วนะ เพราะเสียงโบยังร้องเพลงได้เหมือนเดิม แค่มันมีปัญหาหลายๆ อย่างที่ติดขัดขึ้นมาในตอนนั้นพอดีเฉยๆ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เรากลัวอีกแล้ว เราทำหน้าที่อื่นๆ รวมทั้งบทบาทในการเป็นแม่ที่ต้องดูแลเขาได้สบายมาก

 

แต่ถ้าถามความรู้สึกจริงๆ โอ๊ย โหยหาสิคะคุณ คิดตลอดว่าเมื่อไรจะได้กลับไปทำซิงเกิลใหม่สักที ไปตาม Instagram เพื่อนๆ เข้าห้องอัดทำเพลงใหม่ ก็จะไปเมนต์ว่าคิดถึงห้องอัดจังเลย เราอยากร้องเพลง คิดถึงบรรยากาศในห้องอัด เป็นที่ที่โบชอบที่สุดแล้ว ซึ่งโบก็ร้องเพลงมาเรื่อยๆ นะ ตั้งแต่ช่วงท้องถึงทุกวันนี้ก็มีร้องเพลงประกอบละครประมาณ 10 เพลง ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้างแล้วแต่เรื่อง แล้วก็ไปเป็นแขกรับเชิญตามคอนเสิร์ตต่างๆ อยู่เรื่อยๆ 

 

โบ สุนิตา

 

เวลาไปเป็นแขกรับเชิญ เคยมีความรู้สึกบ้างไหม ว่าทำไมตรงนี้ถึงไม่ใช่เวทีของเรา

ไม่เคยรู้สึกเลย โชคดีมากที่โบไม่เคยคิดอะไรแง่ลบ หรือไปโหยหาอะไรมากมาย รู้สึกว่าได้ร้องเพลง แค่ได้ขึ้นไปเจอคนดูแค่นี้ก็แฮปปี้แล้วนะ ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกเสียดายว่าร้องแค่สองเพลงเองเหรอ โอ๊ย อยากอยู่ต่อจังเลย แปลกเหมือนกันเนอะ เวลาพูดถึงชีวิตเรื่องอื่นๆ โบจะมีความสวิง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่เรื่องการร้องเพลงโบรู้สึกมั่นคง และมีความสุขเหมือนเดิมมาตลอดเลย 

 

การกลับไปฟังเพลงเก่าๆ ในช่วงที่ไม่ได้มีเพลงของตัวเองออกมานานๆ ช่วยให้หายคิดถึงความรู้สึกอยากร้องเพลงบ้างไหม

ฟังค่ะ แต่ไม่ได้ช่วยให้หายคิดถึงนะ แต่ช่วยให้ไม่ได้นอน (หัวเราะ) เพราะเวลาฟังเพลงตัวเองมันจะเพ่ง สังเกต จับผิดตลอดเวลา ทำไมตรงนั้นร้องอย่างนี้ ทำไมตรงนี้ไม่ร้องอย่างนี้ ตรงนี้ปล่อยลมหายใจแบบไหน เก็บรายละเอียดหมด เหมือนเป็นโรคจิต เรื่องอื่นเป็นคนสบายๆ ใช่ไหม แต่เรื่องร้องเพลง เรื่องการทำงานนี่ไม่ปล่อยเด็ดขาด  

 

โบ สุนิตา

 

สังเกตว่าในช่วงทำเพลงอยู่ โบ สุนิตา เป็นศิลปินคนหนึ่งที่ออกอัลบั้มบ่อยมาก

เรื่องนี้ก็ตลกอีกแล้ว (หัวเราะ) เป็นความเข้าใจผิดของโบเอง ที่เข้าใจว่าลูปของการทำอัลบั้ม คือการทำอัลบั้มหนึ่งเสร็จ ไปทัวร์ แล้วพี่ๆ เขาจะเรียกกลับมาทำอัลบั้มต่อไป ตั้งแต่นั้นโบก็จะรอเขาเรียกมาตลอด ซึ่งมันก็จะอยู่ที่ระยะเวลาประมาณ 1-3 ปี แล้วแต่ โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า เราสามารถบอกได้นะว่า พี่คะ โบพร้อมแล้ว ทำอัลบั้ม 4 5 6 ต่อได้เลย ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกโบอาจจะมี 10 อัลบั้ม (หัวเราะ)  

 

พูดได้เลยว่าการร้องเพลงคือสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดของชีวิต ณ เวลานั้นแล้ว มันรวมเอาความสนุก ความท้าทาย ความรัก ความเข้าใจชีวิต ได้เห็นการเติบโต เปลี่ยนแปลงของตัวเองในทุกๆ อัลบั้ม จากเด็กผู้หญิงร้องเพลงตามที่เขาบอก เริ่มกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นของตัวเอง เริ่มนำเสนอวิธีการร้องแบบที่รู้สึกว่าตรงกับตัวเรามากที่สุด 

 

อย่างในเพลง ฉันไม่รู้ นี่ก็คุยกันนานมาก ตอนแรกพี่ต้น โปรดิวเซอร์ เขาแต่งมาให้เพลงหนึ่งแล้วด้วยนะ แต่โบคิดว่าเพลงนี้ยังไม่ใช่ พี่เขาก็ต้องโละเพลงนั้นไป จนกลายมาเป็นเพลง ฉันไม่รู้ ที่รู้สึกว่านี่ล่ะ คือเพลง เหมือนคนเรื่องมากเลยนะ (หัวเราะ) แต่เพราะโบตั้งใจให้เพลงมันออกมาดีจริงๆ โบเชื่อว่าไม่มีใครรู้เรื่องเพลงของโบ สุนิตา ได้ดีเท่าตัวเราอีกแล้ว เรารักผลงานของเรา อยากปกป้องมันเอาไว้ 

 

แต่เมื่อเพลงเสร็จ เอาให้คนฟังแล้วชอบ คือจบแล้วนะ ยอดวิวไม่ใช่ประเด็นสำหรับโบ ต่อให้ยอดวิวน้อย โบก็แฮปปี้แล้วที่ได้ทำออกมา แค่มีคนได้ยินแล้วบอกว่า โห ทำไมอารมณ์มันดิ่งขนาดนี้ เป็นอีกพาร์ตของโบที่ดาร์กๆ หน่อย ดนตรีก็เป็นซาวด์แบบใหม่ที่โบชอบ 

 

ถ้าเมื่อไรที่ร้องเพลงของตัวเอง โจทย์แรกคือถ้าโบไม่ชอบ จะไม่ได้ออก ดูดุเนอะ (หัวเราะ) แต่โบไม่อยากฝืนตัวเอง ให้ความรู้สึกบอกว่า เพลงที่กำลังฟังอยู่เป็นเพลงที่เราจะกดข้ามไปหรือเปล่าเวลาฟัง โบจะไม่ยอมให้มีเพลงแบบนี้ในอัลบั้มของตัวเอง  

 

มิวสิกวิดีโอเพลง ฉันไม่รู้ ของโบ สุนิตา

 

นับจากอัลบั้มแรก (Beau) ที่ทำยอดขายได้ 1,000,000 ตลับทันที ความสำเร็จ หรือตัวเลขยอดขายในตอนนั้นยังตามมากดดันคุณมากน้อยขนาดไหน หลังเวลาผ่านมา 23 ปี 

ยังตามมาตลอดเลย ตามมาทำให้มีงานร้องเพลงจนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ) คือตามมาในความรู้สึกที่ดีว่าเราเป็นนักร้องหนึ่งล้าน สองล้านตลับหรืออะไรก็ตาม แต่โบไม่เคยยกความกดดันนั้นมาไว้ตรงนี้ เพราะ 10 เพลงนั้นเป็นอะไรที่เราไม่มีทางทำแบบนั้นได้อีกแล้ว โบคิดว่าในชีวิตคนเรามีเรื่องที่ดีที่สุดเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอก 

 

ซึ่งอัลบั้มแรกก็คือหนึ่งในสิ่งนั้นของเรา เป็นอัลบั้มที่รวมความเป็นโบทั้งหมด ถ้าถามว่าอัลบั้มไหนเป็นโบมากที่สุด คืออัลบั้ม 1 กับ อัลบั้ม 7 (Beau My Inspiration) โดยเฉพาะอัลบั้มแรกที่ภาษา คำพูดคำจาโคตรเป็นโบเลย เพราะฉะนั้นเราก็คิดถึงในแบบนั้น ไม่ได้กดดันว่าจะต้องขายเท่านั้นให้ได้

 

อีกอย่างคือโบไม่ได้มองหายอดขาย ไม่เคยเข้ามาด้วยความคาดหวังว่าต้องได้ล้านตลับ แต่โบมองหาผลงานที่เป็นมาสเตอร์พีซของเรา อย่างที่บอกเมื่อเราตั้งใจในการทำออกมาทั้งหมด ที่เหลือแค่มีเทป มีซีดีวางอยู่บนแผงปุ๊บ เราฟินแล้ว (หัวเราะ) เราชนะแล้ว แค่นั้นเลย ส่วนตอนนี้ไม่มีเทป ไม่มีซีดี ไม่เป็นไร แค่ได้ยินก็ชนะแล้ว (หัวเราะ)

 

มิวสิกวิดีโอเพลง พรุ่งนี้ (จะไปกับเธอ)

 

การมีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งในรอบ 22 ปี ให้ความรู้สึก ‘ชนะ’ แบบเวลามีผลงานออกมาด้วยหรือเปล่า

เป็นความรู้สึกใหม่ เพราะไม่มีมา 22 ปีแล้ว เป็นทั้งความท้าทาย และกังวลเล็กๆ ที่จะมีมันขึ้นมา เพราะโบอยากทำให้ดีที่สุดตามนิสัยของตัวเอง โบจะไม่ยอมให้คอนเสิร์ตนี้ง่วงเด็ดขาด เพราะคนคิดว่าเพลงช้าโบเยอะ (หัวเราะ) เราก็ต้องมาคิดหนัก คุยกับทีมงานว่าต้องวางโชว์แบบไหน วางเพลงอย่างไรให้ลงตัวที่สุด

 

ตอนคอนเสิร์ตแรก Beau Big (พ.ศ. 2540) โบมีเพลงแค่ 12 เพลง แต่ตอนนี้เดินทางมา 7 อัลบั้ม มี 70 เพลง มีเพลงละคร เพลงอะไรที่ทำเสริมมาเต็มไปหมด เพลงเยอะมากจนเราต้องเอามาประกวดกันอีกทีว่าเพลงไหนเหมาะสมที่สุด คิดว่าน่าจะมีประมาณ 30 เพลง รวมเมดเลย์นะ เพราะฉะนั้นจริงๆ อาจจะมีถึง 50-60 เพลงก็ได้ (หัวเราะ) บวกกับแขกรับเชิญที่มาเสริมทัพให้เกิดสีใหม่ๆ ที่ตอนนี้เปิดตัวมาก็มี ลิปตา, ป๊อด โมเดิร์นด็อก, ละมุนแบนด์ ซึ่งสีของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเลย (หัวเราะ) 

 

โบ สุนิตา

 

สำหรับคนฟังเพลงรุ่นใหม่ ที่อาจจะไม่เคยฟังเพลงเก่าๆ ของโบ สุนิตา มาก่อน คิดว่าเขาจะได้อะไรจากคอนเสิร์ตนี้บ้าง 

บอกจากใจเลย (หัวเราะ) บอกว่า เธอๆ ฉันเคยออกเทปได้ล้านตลับนะ ตอนนี้แค่เขาได้ยินคำว่าเทปก็งงแล้วหรือเปล่า (หัวเราะ) มันดูเหมือนการยกตนซึ่งเราไม่อยากทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นคงไม่บอกอะไรดีกว่า แต่แค่มีความรู้สึกหนึ่งที่ดี คือมีเด็กรุ่นใหม่ที่เขาเอาเพลงของเราไปร้องในรายการประกวดร้องเพลง เป็นเพลงหน้า B ที่ไม่ใช่เพลงโปรโมตด้วยนะ แสดงว่ายังมีคนสนใจด้านการร้องเพลงที่คิดว่าเพลงของเราเป็นครูฝึกที่ดีได้ ก็อาจจะเป็นการแลกเปลี่ยนกันว่า เวลาเราร้องเพลงของเราจริงๆ เราจะเพอร์ฟอร์มออกมาแบบไหน 

 

แฟนเพลงรุ่นเก่าที่ติดตามผลงานของคุณอยู่แล้วล่ะ ยังต้องบอกอะไรพวกเขาอยู่อีกหรือเปล่า

เขาน่าจะคิดถึงนะ คิดถึงบรรยากาศการร้องสดๆ บรรยากาศโดยรวมทั้งหมด มีบางคนบอกว่า ตอนอัลบั้มแรกหนูยังไม่มีเงินไปดูคอนเสิร์ตพี่โบเลย ตอนนี้หนูมีเงินแล้วนะ จะไปดูแถวหน้าเลย (หัวเราะ) ถ้ามีเงินกันหมดแล้ว มีลูกมีหลานก็พามาด้วยได้นะคะ (หัวเราะ) อยากชวนทุกคนที่เคยอยู่ในคอนเสิร์ต Beau Big เมื่อ 22 ปีก่อน คนที่เคยฟังเพลง เคยมีเพลงของเราอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตมาอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ในวันที่เราเติบโตไปพร้อมๆ กัน แล้วมาร้องเพลงด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ภาพ: ศศิพิมพ์ อนันตกรณีวัฒน์ และ Instagram @beau_sunita

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • Rhythm of Beau Sunita Concert จัด 2 รอบ ในวันที่ 23-24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ที่ Royal Paragon Hall บัตรราคา 2,000-4,000 บาท 
  • คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่มีการทำ DVD บันทึกการแสดงออกมาขาย ต้องมาฟังเสียงร้องของเธอสดๆ ในงานนี้อย่างเดียวเท่านั้น
  • รายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุน ‘มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ’ เพื่อการฟื้นฟูพัฒนาเด็กพิการ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิทธิเท่าเทียมกับบุคคลอื่นๆ
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X