ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของแชมป์เก่า ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยก่อนเกมนี้หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมที่อาจตัดสินแชมป์ฤดูกาลนี้ แม้ยังเหลือหนทางอีกยาวไกลและยังไม่ถึงช่วงคริสต์มาสก็ตาม โดยลิเวอร์พูลทำสถิติยังไม่แพ้ใครในแอนฟิลด์ในเกมลีกมา 45 นัดติดต่อกัน และมีโอกาสทำแต้มนำแชมป์เก่าห่างถึง 9 แต้มหากชนะในเกมนี้
เกมนี้คล็อปป์ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม ขาดเพียง โจเอล มาติป ที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บ นอกนั้นยังเป็นชุดตัวหลักที่ลงสู้ศึกในฤดูกาลนี้ โดยก่อนเกมคล็อปป์เน้นย้ำว่าทุกคนต้องพร้อมเต็มที่สำหรับเกมนี้ แม้แต่คนขายฮอตด็อกในแอนฟิลด์ด้วยก็ตาม ขณะที่ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใช้ เคลาดิโอ บราโว เฝ้าเสา ส่วนโรดรีผ่านความฟิตได้ลงสนาม แม้มีข่าวว่าอาจไม่ได้ลงสนาม
เริ่มเกมช่วง 5 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า และมีจังหวะลุ้นได้ประตูขึ้นนำเจ้าบ้านจากลูกแฮนด์บอลของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ แต่ผู้ตัดสินในเกมนี้คือ ไมเคิล โอลิเวอร์ ไม่เป่าเป็นจุดโทษ ซึ่งลิเวอร์พูลฉวยโอกาสจังหวะนี้โต้กลับเร็ว ก่อนนำไปสู่ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 6 จากลูกยิงไกลของ ฟาบินโญ มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล บอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างงดงาม
หลังเสียประตูแรก ผู้เล่นเรือใบสีฟ้ายังครองบอลบุกได้อย่างต่อเนื่อง และได้ลูกเตะมุมรวมถึงฟรีคิกหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถตีเสมอได้ จากนั้นในนาทีที่ 13 จากจังหวะสวนกลับเร็ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์วางบอลข้ามฟากมาให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทางฝั่งซ้ายที่ยืนว่างอยู่ และเป็นแบ็กซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์เปิดบอลด้วยเท้าซ้าย เข้าหัว โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่วิ่งเติมขึ้นมาโหม่งทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0 ในครึ่งแรก
ครึ่งหลังลิเวอร์พูลพยายามครองบอลเน้นความแน่นอน จนกระทั่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมได้จังหวะเปิดบอลด้วยเท้าขวาที่บริเวณเส้นหลัง ซาดิโอ มาเน วิ่งเติมขึ้นมาโหม่งที่เสาแรก แม้ เคลาดิโอ บราโว ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะปัดได้ แต่บอลกระดอนข้ามเส้นประตูเข้าไป ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0 ซึ่งทำให้ช่วงเวลาที่เหลือ ผู้เล่นหงส์แดงเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น
ก่อนเกมนัดนี้ลิเวอร์พูลยังเก็บคลีนชีตในบ้านในลีกไม่ได้ และนัดนี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ เมื่อ แบร์นาโด ซิลวา ศูนย์หน้าตัวเก่งได้จังหวะสับไกด้วยซ้าย บอลพุ่งเบียดเสาแรกเข้าไปเป็นประตูตีไข่แตกของทีมเยือนในนาทีที่ 78 จังหวะนี้ เจอร์เกน คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมันของลิเวอร์พูลถึงกับหัวเสีย เพราะเป็นจังหวะที่รอเปลี่ยนตัวสำรองลงมาในสนาม ซึ่งจากภาพช้าฟาบินโญเหมือนถูกเบียดล้มในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่เป็นการฟาวล์
ช่วงเวลาที่เหลืออีก 10 นาที นักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกกดดันอย่างหนัก และเป็นลิเวอร์พูลที่ลงไปตั้งรับเต็มตัว โดยคล็อปป์ตัดสินใจส่ง โจ โกเมซ ลงมาแพ็กเกมรับ ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้มสำคัญ ทำคะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า 9 แต้ม และทิ้งเลสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี รองจ่าฝูงและอันดับ 3 8 คะแนน นอกจากนี้ลิเวอร์พูลยังยืดสถิติไม่แพ้ใครในบ้านติดต่อกัน 46 เกม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์