ธปท. ชี้ เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งออกหดตัว 3.3%, จีนไม่มั่นใจข้อตกลงการค้าระยะยาวกับสหรัฐฯ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (1 พ.ย. 2562)

ถึงแม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนใกล้จะได้ข้อสรุปในเฟสแรก แต่จีนกังวลว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าที่เคยดำเนินการไปแล้ว และที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้อาจเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาและทำข้อตกลงในครั้งหน้า ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่มีผลกับการเจรจา และทางการจีนก็ยังมีความกังวลกับท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการจัดหาสถานที่เพื่อพบประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและลงนามในข้อตกลงเฟสแรก

จับตา PMI โดยวันนี้จีนมีกำหนดประกาศดัชนี Caixin Manufacturing PMI ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 51.4 จุด แต่ยังทรงตัวอยู่เหนือแดนหดตัวเล็กน้อย ขณะที่สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนี ISM Manufacturing PMI ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 48.9 จุด ฟื้นตัวเล็กน้อยจากครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 47.8 จุด

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยรายงานเศรษฐกิจไทยประจำเดือนกันยายน 2562 ระบุว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อจากภาคการส่งออกที่หดตัว 1.5% (YoY) หากไม่รวมการส่งออกทองคำจะหดตัว 3.3% (YoY) สอดคล้องไปในทางเดียวกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนตามภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวใกล้เคียงเดือนก่อนหน้าจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายหมวดบริการและหมวดสินค้ากึ่งคงทนที่ขยายตัวสูงขึ้น ช่วยชดเชยการใช้จ่ายหมวดสินค้าไม่คงทนที่ชะลอลง และการใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทนที่หดตัวมากขึ้น ส่วนการนำเข้าหดตัว 4.5% (YoY) หากไม่รวมทองคำหดตัว 3.5% (YoY) จากภาคอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มกลั่นน้ำมัน พลังงาน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวเล็กน้อยจากการลงทุนเพิ่มเติมในด้านคมนาคมเป็นหลัก ในด้านอัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน

Barclays ชี้หุ้นฮ่องกงน่าสนใจ โดย แมตต์ พีคอต หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดเอเชียแปซิฟิกของ Barclays ระบุว่าการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบริโภค อสังหาริมทรัพย์ และสายการบิน ซึ่งใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้นั้น พีคอตมองว่ามีการ Price in ข่าวร้ายดังกล่าวไปมากแล้ว ทำให้อาจถึงเวลาที่จะเลือกลงทุนแบบ Bottom Up ได้ในเวลานี้ ขณะที่วานนี้ทางการฮ่องกงรายงานการขยายตัวทางเศรษฐกิจออกมาหดตัว 2.9% (YoY) และหดตัว 3.2 (QoQ) ซึ่งเป็นการหดตัวแบบ YoY ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 และเป็นการเขาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการ หากพิจารณาแบบ QoQ

BOJ คงดอกเบี้ยตามคาด วานนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับใกล้เคียง 0% และการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง พร้อมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2562 ลงสู่ระดับ 0.7% จากเดิมที่ระดับ 1.0% และระบุว่าพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็น พร้อมส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว และการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนก่อนหน้า

ภาวะตลาดวานนี้

ดัชนี Dow Jones ปิดลบจากทิศทางการเจรจาการค้าที่ไม่แน่นอน หลังจากทรัมป์ทวีตว่าจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในเฟสแรก ในขณะที่ฝั่งเจ้าหน้าที่จีนไม่มั่นใจกับข้อตกลงการค้าในระยะยาว และยังได้รับแรงกดดันจากดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาดที่ระดับ 49.3 จาก 49.8 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากทิศทางสงครามการค้าที่ไม่แน่นอน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก

ตลาดน้ำมันปิดลบจากสภาวะน้ำมันล้นตลาดและตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มชะลอตัว รวมไปถึงความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ด้านตลาดทองคำปิดบวกจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยราคาทองคำกลับมายืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง

สหรัฐฯ