ต้องบอกว่า Tell Me Who I Am เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ถ่ายทอดชีวิตจริงของพี่น้องฝาแฝด อเล็กซ์และมาร์คัส ได้อย่างสะเทือนใจ จนแม้เราที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกลับรู้สึกเข้าถึงและรู้สึกหัวใจสลายเมื่อดูสารคดีความยาว 1.25 ชั่วโมงจบลง
ความทรงจำสำหรับมนุษย์คือสิ่งประกอบสร้างตัวตนของเราขึ้นมา แม้ว่าชีวิตเราจะมีบาดแผลมากมาย แต่ถ้าวันหนึ่งเราสูญเสียความทรงจำทั้งหมด เราจะยังมีตัวตนอยู่ไหม..
Tell Me Who I Am เริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยการสรุปความอย่างย่นย่อเกี่ยวกับความทรงจำที่หดหู่และโหดร้าย การเปิดกล่องแพนโดราที่รื้อค้นภาพเก่าๆ ขึ้นมาจนยากจะปิด และอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ของอเล็กซ์ในปี 1982 ขณะที่เขาอายุได้ 18 ปี จนทำให้สูญเสียความทรงจำทั้งหมด
“ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ด้วยผ้าใบว่างเปล่า”
สารคดีของ Netflix เรื่องนี้เล่าโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ให้น้ำหนักการเล่าเรื่องในช่วงแรกไปที่อเล็กซ์หลังเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้คนดูเริ่มต้นใหม่ไปพร้อมกับเขาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย
อเล็กซ์ฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลหลังอาการโคม่าอยู่ 3 เดือน คนแรกที่จับมือเขาคือ มาร์คัส น้องชายฝาแฝด ที่แม้จะไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่เลย แต่เขายังจำน้องชายคนนี้ได้ ตรงกันข้ามกับผู้หญิงคนที่ถามเขาซ้ำๆ ว่า “จำแม่ได้ไหม” ผู้หญิงที่น้องชายบอกว่าคือ ‘แม่’ แต่เขารู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ไม่ต่างจากบ้านหลังใหญ่ที่เขารู้สึกว่ามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
อเล็กซ์ในวัย 18 ปีได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจนสูญเสียความทรงจำทั้งหมด อายุสมองของเขาในตอนนั้นเท่ากับเด็กไม่ถึงสิบขวบ มาร์คัสคอยสอนสิ่งต่างๆ ให้เขาใหม่ ตั้งแต่ผูกเชือกรองเท้า ปิ้งขนมปัง ขี่จักรยาน ทุกอย่างใหม่หมดสำหรับอเล็กซ์ แม้กระทั่งการ์ตูน Tom and Jerry
อเล็กซ์เรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว เขาเชื่อมาร์คัสหมดหัวใจ เรื่องเก่าๆ ที่น้องชายเล่าให้ฟังตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 18 ปีกลายเป็นความทรงจำที่อเล็กซ์ค่อยๆ ประกอบร่างมันขึ้นมา ครอบครัวของเขามีบ้านใหญ่อยู่นอกเมืองซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ อบอุ่น ร่ำรวย ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันทุกปี เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันเป็นเรื่องเล่าที่ดูขัดแย้งกับกฎระเบียบปกติในครอบครัวที่พ่อของเขาเป็นคนโมโหร้าย ไม่เล่นกับลูก กฎของบ้านที่ฝาแฝดทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นสองของบ้านเด็ดขาด ไม่มีกุญแจบ้านของตัวเอง และต้องไปอยู่ในกระท่อมนอกบ้านอยู่บ่อยครั้ง
จนพ่อของพวกเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และแม่เสียชีวิตในอีกหลายปีหลังจากนั้น เรื่องเล่าขณะที่ทั้งคู่ในวัย 32 ปีช่วยกันเก็บข้าวของในบ้าน และพบความลับบางอย่างซึ่งเป็นจุดพลิกผันให้อเล็กซ์รู้แล้วว่าครอบครัวของเขาไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์อย่างที่น้องชายสร้างภาพจำให้
ในพาร์ตนี้เป็นการเดินเรื่องด้วยคลิปสัมภาษณ์ พร้อมด้วยมุมกล้องที่ใช้แทนมุมมองจากสายตาอเล็กซ์เป็นส่วนใหญ่ สลับกับภาพถ่ายเก่าๆ ของครอบครัว การใช้ภาพและเสียง รวมถึงจังหวะการตัดฉากดำมืดสนิทที่ทำงานมากๆ กับเรื่องราวที่อเล็กซ์กำลังเล่าขณะนั้น
ในพาร์ตที่สอง เรื่องราวเล่าผ่านบทสัมภาษณ์ของมาร์คัสเป็นหลัก และค่อยๆ เปิดเผยความลับของครอบครัวให้คนดูได้รู้ไปพร้อมๆ กับอเล็กซ์ ความฉลาดของการเล่าเรื่องอยู่ที่การใช้ภาพวิชวลรวมถึงภาพนิ่งส่วนหนึ่งเหมือนกับในพาร์ตแรก แต่เรื่องราวกลับเป็นอีกมุมหนึ่ง และดึงให้เราจมจ่อมกับเหตุการณ์ เมื่อได้เห็นสีหน้า แววตา ความเงียบงัน เสียงสั่นขณะเล่าเรื่องที่เขาไม่อยากจดจำ
“ผมควบคุมสิ่งที่เขารู้และไม่รู้ ผมเลือกเล่าเรื่องจริงเท่าที่จำเป็น เป็นความทรงจำครอบครัวแสนสุข และไม่ได้เล่าความจริงที่หดหู่แสนเศร้าว่าพ่อแม่เราห่วยแตกขนาดไหน”
ยิ่งพี่ชายต้องการรู้เรื่องราวเพื่อประกอบสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่มากเท่าไร มาร์คัสก็ต้องเริ่มโกหกเพื่อให้อเล็กซ์เชื่อว่าครอบครัวเราดี แม่เป็นแม่ที่ดี ซึ่งทางเลือกที่ยากลำบากนี้คล้ายเป็นการบำบัดตัวมาร์คัสเองให้ลืมความทรงจำอันเลวร้ายเช่นกัน
จนถึงวันหนึ่งที่จิ๊กซอว์หลายอย่างปรากฏ และทำให้อเล็กซ์รู้แล้วว่า ‘พ่อแม่ของเขาเป็นใครกันแน่’ และ ‘แม่ทำเรื่องที่ไม่มีแม่คนไหนบนโลกเขาทำกัน’ ความเจ็บปวดจากความจริงเรื่องนี้ เมื่อรวมกับคำโกหกจากมาร์คัส คนเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เขาไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ กลับกลายเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่า
ในพาร์ตสุดท้ายคือการที่อเล็กซ์และมาร์คัสมาพบกันในวัย 54 ปี ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา อเล็กซ์ยังคงหาคำตอบเกี่ยวกับความลับของครอบครัว ซึ่งหลักๆ เกี่ยวกับการที่พวกเขาถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยที่มาร์คัสยังคงปิดปากเงียบ ในพาร์ตนี้เป็นครั้งแรกที่มาร์คัสยอมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้อเล็กซ์ฟัง (ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ชีวิต แต่ไม่รวมถึงความลับที่ปรากฏในสารคดี)
สารคดีฉายให้เห็นฝาแฝดทั้งสองในสตูดิโอที่เงียบสนิทกับเรื่องราวสะเทือนใจที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก กระทั่งคนดูอย่างเราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย และแม้ในท้ายที่สุดเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป บาดแผลในชีวิตคือสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ การได้รู้ความจริงในชีวิตตัวเองคงดีกว่าการรับรู้เพียงความทรงจำจอมปลอมที่สวยงามอย่างภาพฝัน
สารคดีจบแล้ว ทิ้งคำถามไว้ว่าทำไมทั้งคู่จึงถ่ายทอดเรื่องราวการถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็กผ่านสารคดี Tell Me Who I Am ทั้งๆ ที่เป็นความลับในครอบครัวซึ่งไม่เคยบอกใครมาก่อน และไม่ได้เป็นเรื่องที่น่านำมาป่าวประกาศด้วยซ้ำ แต่คำตอบมันชัดเจนว่าชีวิตจริงของพวกเขาที่ถ่ายทอดผ่านสารคดีเรื่องนี้ทำให้เรามองเหยื่อผู้ถูกกระทำอย่างเข้าใจ และเปิดใจว่าการออกมาบอกเล่าความจริงที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิด แต่คือความถูกต้องที่จะทำให้ผู้คนอีกมากมายที่ทนทุกข์กับเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกล้าที่จะก้าวออกมาจากเงามืดและกลับมามีชีวิตปกติได้ต่างหาก
ภาพ: Courtesy of Netflix
- อเล็กซ์และมาร์คัสเคยเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ชีวิตชื่อว่า Tell Me Who I Am วางจำหน่ายในปี 2013
- เอ็ด เพอร์กินส์ ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ใช้เวลาราว 3 ปีทำความรู้จักกับสองพี่น้องฝาแฝด เพื่อสร้างความไว้ใจและช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีในการเล่าเรื่องราวที่เก็บเป็นความลับมายาวนาน
- ทุกวันนี้อเล็กซ์และมาร์คัสก้าวข้ามผ่านบาดแผลลึกในวัยเด็กและมีชีวิตที่ดี พวกเขาเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง ฐานะมั่นคง มีครอบครัวที่อบอุ่น และที่ดีที่สุดคือพวกเขาได้กลับมาเป็นพี่น้องที่เชื่อใจกันได้ที่สุดอีกครั้ง