คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ สั่งการให้รื้อทำลายสิ่งปลูกสร้างและรีสอร์ตบนเทือกเขาคึมกังที่ก่อสร้างโดยบริษัทจากเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มบ้านพักที่คิมวิจารณ์ว่ามีลักษณะคล้ายกับเต็นท์ชั่วคราวที่ใช้ในพื้นที่ประสบภัย
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า คำสั่งของคิมมีขึ้นหลังจากที่เขาเดินทางไปเยี่ยมเยือนพื้นที่เทือกเขาและรีสอร์ตดังกล่าว ซึ่งเดิมทีบริหารโดยบริษัทจากสองเกาหลี และตั้งอยู่ใกล้ชายแดนทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ
โดยคิมวิจารณ์ว่ารีสอร์ตแห่งนี้ทรุดโทรมและไม่มีเอกลักษณ์ใดๆ ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเกาหลีเหนือเลยสักนิด และกล่าวว่าน่าจะดีกว่าหากเกาหลีเหนือจะบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมบนเทือกเขาแห่งนี้เองแบบที่ไม่มีเกาหลีใต้มาเกี่ยวข้อง
“สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในแบบฉบับของเกาหลีเหนือจะถูกสร้างขึ้นบนสถานที่นี้” คิมกล่าว
รีสอร์ตเทือกเขาคึมกังมีพื้นที่ 528 ตารางกิโลเมตร เปิดให้บริการในปี 1988 ในฐานะสัญลักษณ์ของความร่วมมือและความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ โดยถือเป็นหนึ่งในรีสอร์ตบนเทือกเขาที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางไปเยือนแล้วกว่า 1 ล้านคน ถือเป็นแหล่งรายได้จากการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของเกาหลีเหนือ ก่อนที่การท่องเที่ยวข้ามพรมแดนจะถูกระงับในเดือนกรกฎาคม 2008 เนื่องจากทหารเกาหลีเหนือสังหารนักท่องเที่ยวหญิงชาวเกาหลีใต้ที่แอบเข้าไปยังเขตหวงห้าม ขณะที่ในปี 2011 รัฐบาลเกาหลีเหนือได้สั่งยึดทรัพย์สินภายในรีสอร์ตดังกล่าวพร้อมทั้งเนรเทศพนักงานชาวเกาหลีใต้ที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกจากประเทศ
อย่างไรก็ตาม คิมกล่าวว่าอาจจะเป็นความเข้าใจผิดๆ หากมองว่ารีสอร์ตแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นสัญลักษณ์ของการพึ่งพาอาศัยกัน
“เทือกเขาคึมกังเป็นดินแดนของเราที่ได้มาจากการเสียสละเลือดเนื้อ แม้แต่หน้าผาและต้นไม้บนเทือกเขาก็ล้วนเป็นเกียรติภูมิและอธิปไตยของเรา” คิมกล่าว
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้พัฒนาขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการหารือเรื่องการเริ่มต้นฟื้นฟูการท่องเที่ยวเทือกเขาคึมกังและเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้กลับไปเที่ยวได้อีกครั้ง โดยในการประชุมระหว่างคิมจองอึนและมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ฟื้นการท่องเที่ยวทันทีที่สามารถบรรลุเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างกัน
แต่มุนมีความลังเลที่จะอนุมัติให้ฟื้นการท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่ยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ที่ห้ามเปิดโอกาสให้เกาหลีเหนือได้รับ ‘เงินแข็ง’ (Hard Currency) หรือเงินสกุลต่างชาติที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งเกาหลีเหนือเริ่มแสดงท่าทีวิจารณ์เกาหลีใต้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเกาหลีใต้นั้นล้มเหลวที่จะดำเนินตามพันธกรณีเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย และไม่กี่วันมานี้สื่อเกาหลีเหนือยังประณามเกาหลีใต้ ที่วางแผนทดสอบขีปนาวุธและพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธใหม่ๆ รวมถึงเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเป็นท่าทียั่วยุและเตือนถึงผลลัพธ์ที่จะตามมมา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
