- สหรัฐฯ เผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวขึ้น โดยสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 11.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 54% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 17% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่พุ่งขึ้น 93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 4% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 484,350 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.02% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 3.92% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
- ชุมนุมฮ่องกงเดือด กดดัน GDP ฮ่องกงขยายตัวเพียง 0.6% การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 เดือน ส่งผลเชิงลบต่อสถานะทางเศรษฐกิจของฮ่องกงบวกกับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2019 ของฮ่องกงขยายตัวเพียง 0.6% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ตัวเลขค้าปลีกในเดือนมิถุนายนลดลงถึง 6.7% จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถดถอย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฮ่องกงมีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจฮ่องกงโดยคิดเป็นเม็ดเงินถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ผ่านการยกเว้นภาษีกลุ่มร้านอาหาร และโรงแรมเป็นเวลา 1 ปี ลดค่าเช่าสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการในพื้นที่ของภาครัฐ เพื่อส่งเสริมภาคท่องเที่ยวและค้าปลีก โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฮ่องกง ด้านนักวิเคราะห์ต่างมีความเห็นตรงกัน โดยคาดว่าในระยะยาว ปัจจัยเรื่องความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตของฮ่องกงจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในฮ่องกง จึงมีการปรับคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของฮ่องกงในปีนี้ลงเหลือ 0.5%-1% และคาดว่า เศรษฐกิจฮ่องกงอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเกิดการหดตัวสองไตรมาสติดต่อกัน
- คลังเดินหน้ากระตุ้นอสังหาฯ ลดค่าโอน-จำนองเหลือ 0.01% อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผย คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุดราคาไม่เกิน 3.0 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 พร้อมกันนั้นยังผลักดันอัตราดอกเบี้ยพิเศษธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ในช่วง 3 ปีแรก โดยคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต ก่อให้เกิดการขยายตัวของห่วงโซ่อุปทาน
- สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรตุรกี พร้อมเรียกร้องตุรกีหยุดยิงในซีเรียถาวร โดยวานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อตุรกี หลังจากข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 5 วันที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลางในการเจรจาประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ลดแรงกดดันในด้านปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในแถบตะวันออกกลาง และลดแรงกดดันต่อความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน
- จับตาตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ โดยวันนี้ 1. เยอรมนีมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) เบื้องต้น ซึ่งถูกคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 42.0 ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากครั้งก่อนหน้าที่ 41.7 จุด แต่ยังคงอยู่ในแดนหดตัวอย่างต่อเนื่อง 2. การประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหภาพยุโรป ซึ่งถูกคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.50% และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0.0% เพื่อจับตาดูผลลัพธ์จากการปรับลดดอกเบี้ยครั้งก่อนหน้า และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีกำหนดการประชุมในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ 3. Amazon ถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศกำไรต่อหุ้นออกมาที่ 4.59 ดอลลาร์ จากยอดขายที่ 68,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ประกาศออกมาที่ 5.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนสร้างระบบขนส่งสินค้า One Day Shipping 4. Twitter ถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 0.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากรายได้ 874 ล้านดอลลาร์ ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ที่ 0.20 ดอลลาร์ต่อหุ้นเช่นเดียวกัน
ภาวะตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่จะออกมาแย่กว่าคาด แต่นักลงทุนยังคงคาดหวังผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ที่อาจออกมาดีในช่วงสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตามองการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะจัดในวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 94.6% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย หลังจากผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และรถยนต์ แม้ว่าผลประกอบการออกมาสดใส แต่ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความล่าช้าของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
- ด้านตลาดน้ำมัน ปิดพุ่งสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และยังได้รับแรงหนุนที่กลุ่ม OPEC และประเทศพันธมิตรจะพิจารณาเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดลดกำลังการผลิต ในการประชุมกำหนดนโยบายวันที่ 5-6 ธันวาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในปีหน้า
- ด้านตลาดทองคำปิดบวกครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังจากมีความเสี่ยงจากความล่าช้าของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทำให้นักลงทุนกลับมาเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 26833.95 เพิ่มขึ้น 45.85 (0.17%)
- S&P 500 ปิดที่ 3004.52 เพิ่มขึ้น 8.53 (0.28%)
- Nasdaq ปิดที่ 8119.79 เพิ่มขึ้น 15.5 (0.19%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 12798.19 เพิ่มขึ้น 43.5 (0.34%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7260.74 เพิ่มขึ้น 48.25 (0.67%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3606.89 เพิ่มขึ้น 2.07 (0.06%)
- FTSE MIB ปิดที่ 22351.07 ลดลง -136.01 (-0.6%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 22625.38 เพิ่มขึ้น 76.48 (0.34%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6673.1 เพิ่มขึ้น 0.9 (0.01%)
- Shanghai ปิดที่ 2941.62 ลดลง -12.76 (-0.43%)
- SZSE Component ปิดที่ 9567.75 ลดลง -74.34 (-0.77%)
- China A50 ปิดที่ 13888.39 ลดลง -88.27 (-0.63%)
- Hang Seng ปิดที่ 26566.73 ลดลง -219.47 (-0.82%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11239.67 ลดลง -31.58 (-0.28%)
- KOSPI ปิดที่ 2080.62 ลดลง -8.24 (-0.39%)
- IDX Composite ปิดที่ 6257.81 เพิ่มขึ้น 32.31 (0.52%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39058.83 เพิ่มขึ้น 94.99 (0.24%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7933.76 ลดลง -21.48 (-0.27%)
- **SET หยุดทำการ
Commodity
- ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 55.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.36 (2.5%)
- ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 61.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.32 (2.21%)
- ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1494.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.95 (0.47%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
ที่มา:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing