เก็บตกบรรยากาศจากการแข่งขันพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ที่ตอนนี้เราก็รู้กันแล้วว่า มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสเปน วัย 26 ปี ได้คว้าตำแหน่งแชมป์โลกไปครองเป็นครั้งที่ 8
และจากการเก็บคะแนนสะสมตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เขากลายเป็นแชมป์โมโตจีพีสมัยที่ 6 หลังการแข่งขันสนามนี้จบลง (คลิกอ่าน “เราพร้อมยกระดับในปีหน้าเพื่อแชมป์สมัยที่ 9” มาร์ค มาร์เกซ แถลงข่าวหลังคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 ที่ไทยจีพี จังหวัดบุรีรัมย์) THE STANDARD POP จึงขอพาไปชมภาพเก็บตกบรรยากาศภายในงานตลอด 2 วัน 1 คืนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เร้าใจ และมีความบันเทิงสอดแทรกอยู่ตลอดงาน เพราะในช่วงเย็นทางผู้จัดได้ชวนศิลปินชื่อดังอย่าง Mild, Potato และ F.Hero มาร่วมสร้างความสนุกและสีสันให้กับกองเชียร์หรือผู้ที่เดินทางมาร่วมงานอยู่ด้านนอกให้มีส่วนร่วมกับงานใหญ่ระดับโลกนี้มากยิ่งขึ้น
การแข่งขันพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 โมโตจีพีสนามที่ 15 ของปี จัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนับเป็นการแข่งขันครั้งที่ 2 ในประเทศไทย และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดขึ้นในประเทศไทยเลยกว่าได้ (หากไม่นับการแข่งขันเอเชียนเกมส์) แน่นอนว่างานใหญ่ระดับนี้ย่อมมีชาวต่างชาติและชาวไทยที่มีความสนใจในกีฬามอเตอร์สปอร์ตเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้โรงแรมและที่พักในจังหวัดบุรีรัมย์เต็มทุกแห่ง จนบางคนต้องนอนพักในจังหวัดข้างเคียงอย่างสุรินทร์ แล้วยอมขับรถเพื่อเข้ามาชมการแข่งขันที่นี่
และเพื่อรองรับกองเชียร์ที่เข้ามาชมการแข่งขันอย่างแน่นหนา ผู้จัดงานจึงต้องบริหารพื้นที่ เส้นทางจราจร และสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้อย่างครบครัน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดต้องยกให้กับการเตรียมสามล้อถีบในชื่อ ‘GU ถีบ’ มาไว้บริการคนที่ไม่อยากเดินเท้าไกล รวมถึง Shuttle Tan หรือชัตเทิลแต๋น ที่บ้านเราเรียกรถอีแต๋น ซึ่งถูกนำมาแต่งหน้าแต่งตาใหม่ให้โฉบเฉี่ยวทันสมัย สามารถขนส่งผู้โดยสารได้จำนวนมากต่อเที่ยว ใครลุยหน่อยก็โดดขึ้นท้ายรถแล้วโหนอีแต๋นไปยังถนนด้านนอกได้เลย เห็นว่าชาวต่างชาติกรี๊ดกร๊าดกันมากกับไอเดียนี้
ในบริเวณสนามแข่งยังมีการเปิดบูธและออกร้านค้าต่างๆ มากมายให้กองเชียร์ได้ฝากท้องไว้กับเมนูสบายกระเป๋าที่เปิดเป็นซุ้มอาหาร ตัดปัญหาเรื่องของกินแพงที่เคยสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนที่เคยไปงานระดับอินเตอร์มาก่อน นอกจากนั้นยังมีร้านที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง Amazon ที่คนแน่นขนัดตลอดทั้งวัน บูธของ Redbull ที่ติดแอร์ข้างในให้เย็นฉ่ำ เซตไฟและสร้างบรรยากาศให้เหมือนคลับ เพราะมีดีเจมาเปิดแผ่นตั้งแต่เที่ยงวันยันค่ำ พร้อมจำหน่ายค็อกเทลที่มี Redbull เป็นส่วนผสมอย่างวอดก้าเรดบูล ฟากฝั่งแฟชั่นก็มีนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชันจาก Tissot ที่มาพร้อมกล่องรูปทรงหมวกกันน็อกพร้อมลายเซ็นของ มาร์ค มาร์เกซ หรือคลับแห่งไลฟ์สไตล์ CUB House ที่มาจำหน่ายเสื้อยืดและเครื่องประดับสไตล์สิงห์นักบิดให้จับจองเป็นเจ้าของ
นอกจากบรรยากาศนอกสนามแข่งที่เป็นร้านค้าแล้ว ทาง THE STANDARD POP ยังมีโอกาสได้เข้าไปสำรวจโรงรถของทีม KTM Redbull Garage ที่ไม่ได้มีใครเข้าดูได้บ่อยๆ ซึ่งหนึ่งในตัวแทนจากทีมเรดบูลได้พาเราชมอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงการสัมผัสกับเจ้ามอเตอร์ไบค์คันจริงที่ใช้ในการแข่งขันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ต้องขอบคุณ Red Bull Thailand ที่มอบประสบการณ์นี้
สำหรับคนที่เคยสงสัยว่ากรรมการสามารถจับเวลามอเตอร์ไบค์แต่ละคันได้อย่างไร เรามีคำตอบมาเฉลยว่า เมื่อได้เข้าไปยังห้องจับเวลาที่ Tissot ได้รับความไว้วางใจให้เป็น Official Timekeeper ของงานนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้ฟังว่าก่อนการแข่งขัน ทีมงานจะติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเวลาไว้กับรถแข่งแต่ละคัน ก่อนส่งสัญญาณมายังห้องนี้เพื่อติดตามความเร็ว ภายในห้องแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยหน้าจอแสดงผลต่างๆ ที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับมอเตอร์ไบค์คันนั้นๆ อย่างละเอียดยิบ รวมถึงการแสดงผลภาพที่ได้จากกล้องในสนามที่มีความแม่นยำและฉับไวชนิดที่เฉือนกันเพียง 0.03 วินาทีก็ยังจับภาพมาได้
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการแข่งขันระดับโลกได้แก่กองเชียร์ ที่นอกจะสร้างสีสันให้กับการแข่งขันแล้ว กองเชียร์เหล่านี้ยอมทนแดดทนฝนเพื่อส่งแรงใจและเสียงเชียร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ตนเองชื่นชอบ งานนี้เราจึงมีโอกาสได้เห็นและได้ยินทั้งเสียงกู่ร้องยินดีให้กับผู้ที่คว้าชัยชนะ และสีหน้าของความผิดหวังจากกองเชียร์ที่นักบิดคนโปรดไม่สามารถคว้าอันดับหนึ่งไปครอง แต่ไม่ว่าจะคุณจะอยู่ฝั่งไหน การได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงานระดับโลกอย่างการแข่งขันพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ก็นับเป็นประสบการณ์อันดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณจะได้เป็นสักขีพยานให้กับความสำเร็จของนักแข่งที่ตรากตรำฝึกซ้อมจนมาถึงวันที่เขาได้ก้าวขึ้นไปยืนบนตำแหน่งสูงสุดของแท่นมอบรางวัล ท่ามกลางสายตาของคนนับแสนที่พร้อมจะยินดีไปกับความสำเร็จของพวกเขา
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม และ Courtesy of Tissot