สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลกลับมาเยือนชาวกรุงอีกครั้ง หลังจากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาฝุ่นละอองขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย และบรรเทาลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
THE STANDARD ชวนทุกคนมารื้อความทรงจำอีกครั้งว่าฝุ่น PM2.5 นี้เกิดจากอะไร รวมถึงวิธีการหลีกเลี่ยงและป้องกันนั้นทำได้อย่างไรบ้าง
1. ทบทวนเรื่อง ‘ฝุ่น PM2.5’ อีกครั้ง
PM2.5 คือฝุ่นที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หากเทียบให้เห็นภาพคือมีขนาดเล็กเป็น 1 ใน 25 ของเส้นผมมนุษย์ แน่นอนว่า ‘ขนจมูก’ ไม่สามารถช่วยกรองได้
- ฝุ่น PM2.5 เกิดจากอะไร
54% เกิดจากการเผาในที่โล่ง
17% จากโรงงานอุตสาหกรรม
13% การขนส่ง
8% การผลิตไฟฟ้า
7% ที่พักอาศัย
- อันตรายขนาดใหญ่ที่มาพร้อมฝุ่นขนาดเล็ก
- PM2.5 ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น
- โรคหลอดเลือดในสมอง
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- โรคมะเร็งปอด
- โรคหัวใจขาดเลือด
- โรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง
- ในปี 2556 องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็ง
- State of Global Air ได้ระบุข้อมูลในแต่ละปีว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 ประมาณ 37,000 คน โดยรวม 50,000 คน
อ้างอิง: Electricity Generating Authority of Thailand, รายงานพลังงานของประเทศไทย 2549 กระทรวงพลังงาน, รายงานโครงการติดตามและประเมินสถานการณ์การเผาในที่โล่งในพื้นที่การเกษตรของประเทศไทย 2548 กรมควบคุมมลพิษ, TQM
2. หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัยที่ป้องกัน PM2.5 ได้ดีที่สุด
หน้ากาก N95 หรือผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ สามารถป้องกันมลพิษที่มีคุณสมบัติอนุภาคขนาดเฉลี่ย 0.3 ไมครอนได้มากกว่า 95% รวมถึง PM2.5 ด้วย
- ใช้ซ้ำได้ไหม เปลี่ยนบ่อยแค่ไหน
ควรตรวจสอบก่อนว่าหน้ากากที่ใช้อยู่เป็นแบบ ‘ใช้แล้วทิ้ง’ หรือ ‘ใส่ซ้ำได้’
แบบใช้แล้วทิ้ง สามารถใช้ซ้ำได้ 2-3 วัน หรือถ้ารู้สึกว่ามีฝุ่นสะสมในหน้ากากเยอะเกินไปก็ควรทิ้งทันที
แบบใส่ซ้ำได้ ควรซักหน้ากากทุกวันหรือทุกๆ 1-2 วัน และเปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 2-3 วัน หรือถ้ารู้สึกว่ามีฝุ่นสะสมในหน้ากากเยอะเกินไปก็ควรทำความสะอาด
- สวมหน้ากาก N95 อย่างถูกต้อง
- เปลี่ยนหน้ากากใหม่ทันทีเมื่อมีรอยเปื้อนต่างๆ หรือชื้นแฉะ
- ควรใช้เพียงคนเดียว ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น
- อย่าหัก พับ งอหน้ากาก เพราะทำให้เสียรูปทรงและเกิดรอยยับ ทั้งยังเป็นการลดประสิทธิภาพกรองฝุ่นละออง
- ล้างมือก่อนการสวมใส่และหลังการถอดออกทุกครั้ง
- การไอ จาม หรือพูดคุยขณะสวมใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกชนิดกรองพิเศษอาจทำให้อากาศภายนอกรั่วเข้าไปได้
- ใช้เสร็จแล้วควรทิ้งอย่างไร
หน้ากาก N95 สามารถแพร่เชื้อโรคได้หากเราเป็นโรคที่ติดต่อได้ (กรณีที่ผู้ใช้งานป่วย) ดังนั้นทางที่ดีควรควรนำหน้ากาก N95 ที่ใช้แล้วใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น นำไปทิ้งในถังขยะทั่วไป และล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากาก
อ้างอิง: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง PM2.5 อย่างเคร่งครัด
– ผู้ที่มีโรคประจำตัวในระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด, โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
– ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี
อ้างอิง: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมมลพิษ
- อาการแบบไหนจึงสันนิษฐานได้ว่าเริ่มป่วยเพราะ PM2.5
ควรสังเกตพฤติกรรมของตนเองว่าออกเผชิญพื้นที่ที่มีฝุ่นมามากแค่ไหน หากรู้สึกว่ามีอาการไอ เจ็บคอ หายใจแล้วมีเสียงฟืดฟาด ไปจนถึงอาการเคืองตา ตาแดง หรืออาการอื่นๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ให้พบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นแต่ละอย่างมีวิธีการรักษาและดูแลในแบบที่ต่างกันออกไป
อ้างอิง: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมมลพิษ
- วิธีเลี่ยงและป้องกันการเผชิญฝุ่น PM2.5 แบบง่ายๆ
– งดเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย N95 เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง
– งดการเผาในที่โล่งทุกชนิด
– หมั่นบำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ
– ใช้รถสาธารณะทดแทนการใช้รถส่วนบุคคล หากพบรถสาธารณะมีควันดำให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
– ใช้ธูปที่มีขนาดเล็กหรือสั้นลงในขณะไหว้พระหรือไหว้เจ้าตามศาสนสถาน และเมื่อเสร็จพิธีการก็ควรดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้น ช่วยลดการเพิ่มฝุ่นได้
อ้างอิง: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมมลพิษ
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต