หลังจากที่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) หนึ่งในธุรกิจหลักของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมี วัลลภา ไตรโสรัส ลูกสาวคนที่สองเป็นแม่ทัพ และรับไม้ต่อจากเจ้าสัวเจริญ ออกมาให้ข่าวเรื่องวางแผนจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มาสักระยะหนึ่ง ล่าสุดได้ออกมาประกาศเคาะฤกษ์ IPO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับรายละเอียดนั้น AWC ได้เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO เรียบร้อยแล้ว เดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 6,957 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 22.47 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ที่ราคา 6.00 บาทต่อหุ้น คาดจะได้เม็ดเงินระดมทุนกว่า 48,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงิน IPO ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 และดันมาร์เก็ตแคปให้พุ่งขึ้นไปแตะ 190,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะพุ่งทะลุ 200,000 ล้านบาท คาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
ขณะนี้นักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศประเภท Cornerstone Investor จำนวน 13 ราย ได้ตกลงจองซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่เสนอขายครั้งนี้ เป็นจำนวนรวม 3,454,000,000 หุ้น หรือประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) แล้ว
AWC ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็น 1. กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) มีฐานลูกค้าทั่วโลกกว่า 300 ล้านราย 2. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial Building) ทั้งเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เกทเวย์, พันธุ์ทิพย์ และตะวันนา นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของอาคารสำนักให้เช่าอีก 4 แห่ง
ปัจจุบัน AWC มีสินทรัพย์ 92,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมโรงแรมที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาในพอร์ตอีก 12 แห่ง ซึ่งเมื่อเข้ามาจะทำให้สินทรัพย์มีมูลค่า 115,000 ล้านบาท ส่วนทุนจดทะเบียน 24,000 ล้านบาท จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 32,000 ล้านบาท ภายหลังจากขายหุ้น IPO แล้ว
ภายหลังการเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว AWC จะมีโครงการในกลุ่ม Hospitality รวมทั้งสิ้น 27 โครงการ จากปัจจุบันที่มี 14 โครงการ และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือมีแผนการพัฒนาจำนวน 13 แห่ง ภายใน 5 ปีจะมีห้องพักโรงแรมรวม 8,506 ห้อง ส่วนกลุ่ม Retail และ Wholesale จะมีพื้นที่เช่าสุทธิรวม 415,481 ตารางเมตร จากโครงการทั้งหมด 11 โครงการ พร้อมกับเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานอีก 4 แห่ง ด้วยพื้นที่เช่าสุทธิรวม 270,594 ตารางเมตร
ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทมีรายได้ 6,442 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 3,114 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
