- จับตาตัวเลข GDP สหรัฐฯ พร้อมตัวเลขภาคอสังหาฯ และแรงงาน โดยทางการสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (เบื้องต้น) ไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 โดยเมื่อครั้งก่อนประกาศออกมาที่ 2.1% (QoQ) ส่วนครั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.0% (QoQ) นอกจากนี้ยังมีการประกาศตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน รวมถึงตัวเลขบ้านรอการโอน (Pending Home Sales) คาดว่าจะยังขยายตัว แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า
- รัฐบาลอินเดียอนุมัติการเปิดเสรีการลงทุนจากต่างชาติ โดยเพิ่มสัดส่วนการถือครองจากต่างชาติในสื่อดิจิทัลขึ้นเป็น 26% และ 100% ในเหมืองถ่านหิน โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องและค้าขายพลังงาน หลังก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตให้เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหมืองถ่านหินเท่าที่รัฐจัดสรรให้เพื่อการใช้ในบริษัทตนเองเท่านั้น นอกจากนี้ยังให้สัดส่วน 100% สำหรับต่างชาติในอุตสาหกรรมจ้างผลิต และค้าปลีกแบบ Single-Brand สามารถค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อ Apple ที่ไม่ต้องการลงทุนการค้าแบบมีหน้าร้านในอินเดีย
- บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศกำหนดให้วันที่ 14 ต.ค. เป็นวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประทานพระบรมราโชวาทต่อรัฐสภาอังกฤษเนื่องในวาระเปิดสมัยประชุมสภา การประกาศดังกล่าวส่งผลให้จะมีการพักสมัยประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ จัดการประชุมภายในพรรค การดำเนินการของจอห์นสันในครั้งนี้ได้ทำให้การพักสมัยประชุมสภายาวนานขึ้นเป็น 5 สัปดาห์ ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการสกัดความพยายามของจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค. แบบไร้ข้อตกลง
- EIA เผยสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงกว่าคาด หนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลง 10.03 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดไว้ที่ 2.11 ล้านบาร์เรล ข่าวดังกล่าวหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 1.69% กลับสู่ระดับเดิมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ประมาณ 55.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สถาบันการเงินพากันโยกเงินออกจากอังกฤษแล้ว 1.3 ล้านล้านยูโร โดยรายงานของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า สถาบันการเงินจะพากันโยกย้ายสินทรัพย์ราว 1.3 ล้านล้านยูโร (1.44 ล้านล้านดอลลาร์) ออกจากอังกฤษไปยังยูโรโซน อันเนื่องจากการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทั้งนี้ แอนเดรีย เอ็นเรีย ประธานคณะกรรมการกำกับ ECB ระบุว่า ธนาคาร 24 แห่งจะเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ดังกล่าว โดยธนาคาร 7 แห่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของ ECB ขณะที่อีก 17 แห่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดทั่วโลกยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Side Way พร้อมกับการคงอยู่ของสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ยังคงต่ำกว่า 2.00% อยู่ที่ 1.943% และ 10 ปี ที่ 1.461% ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 2 ปี ที่ระดับ 1.488%
- หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวโดดเด่นในตลาดสหรัฐฯ วานนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ซึ่งปรับตัวขึ้นถึง 1.40% ตามราคาน้ำมัน (WTI) ที่รีบาวด์จาก 53 ดอลลาร์/บาร์เรล ขึ้นสู่ระดับ 56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังต่ำกว่าคาด ถึง -10.027 ล้านบาร์เรล ขณะที่คาดไว้เพียง -2.112 ล้านบาร์เรล
ยุโรป
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3365.38 ลดลง -5.09 (-0.15%)
- DAX ปิดที่ 11701.02 ลดลง -29 (-0.25%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7114.71 เพิ่มขึ้น 25.13 (0.35%)
- FTSE MIB ปิดที่ 20990.71 ลดลง -0.59 (0%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 20479.42 เพิ่มขึ้น 23.34 (0.11%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6500.6 เพิ่มขึ้น 29.4 (0.45%)
- Shanghai ปิดที่ 2893.76 ลดลง -8.44 (-0.29%)
- Hang Seng ปิดที่ 25615.48 ลดลง -48.59 (-0.19%)
- SET ปิดที่ 1616.93 เพิ่มขึ้น 1.46 (0.09%)
- KOSPI ปิดที่ 1941.09 เพิ่มขึ้น 16.49 (0.86%)
- BSE Sensex ปิดที่ 37451.84 ลดลง -189.43 (-0.5%)
อเมริกา
- Dow 30 ปิดที่ 26036.1 เพิ่มขึ้น 258.2 (1%)
- S&P 500 ปิดที่ 2887.94 เพิ่มขึ้น 18.78 (0.65%)
- Nasdaq ปิดที่ 7856.88 เพิ่มขึ้น 29.94 (0.38%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 55.7 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.77 (1.4%)
- ราคาน้ำมันเบรนท์ ปิดที่ 59.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.86 (1.46%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1547.15 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง -4.65 (-0.3%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing