×

House RCA ‘ลูกรัก’ ที่เรียนไม่เก่ง แต่มนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ

28.08.2019
  • LOADING...
House RCA RCA Plaza

9 กรกฎาคม 2004 บนชั้น 3 ของ RCA Plaza ได้มีโรงหนังเล็กๆ ที่ชื่อ House RCA เริ่มเปิดบริการฉายหนัง ‘ทางเลือก’ ที่ไม่ได้มีพื้นที่ในโรงหนังทั่วไปมากนัก และค่อยๆ พัฒนาตัวเองกลายเป็นชุมชนของนักดูหนังนอกกระแส 

 

และขยายนิยามตามผู้ใช้บริการที่มากกว่าโรงหนัง ในฐานะพื้นที่จัดงานศิลปะ เสวนาเรื่องหนัง บุ๊กแฟร์ แสดงดนตรี ที่นัดเดต ถึงขนาดมีคนขอแต่งงานในโรงหนัง House RCA มาแล้ว 3 ครั้ง และเป็นสถานที่จัดงานแต่งมาแล้ว 3 งาน!

 

22 สิงหาคม 2019 THE STANDARD POP เดินเข้ามาที่โรงหนังแห่งนี้อีกครั้ง โดยมีบอร์ดโพสต์อิตที่ ‘คนรักหนัง’ มาบอกเล่าความรู้สึก พร้อมกับตัวเลขนับถอยหลังว่าเหลือเวลาอีก 10 วัน ก่อนที่ House RCA จะให้บริการวันสุดท้ายในวันที่ 31 สิงหาคม 

 

โดยมี อุ๋ย-ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ และ จ๋อง-พงศ์นรินทร์ อุลิศ (เฮนรี่ จ๋อง) 2 ผู้ก่อกำเนิดที่ไม่ได้มองว่า House เป็นแค่โรงหนัง แต่เป็น ‘ลูก’ ที่ทั้งคู่ช่วยกันเลี้ยงดูฟูมฟักมาตลอดระยะเวลา 15 ปี นั่งรออยู่บนโซฟาหนังสีดำ ภายใต้แสงสลัวสีส้มที่เราคุ้นเคย 

 

เพื่อพูดคุยย้อนความหลังถึงความ ‘รัก’ ที่มีต่อลูกคนนี้ รวมทั้งวิธีการดูแลเด็กชายและเด็กหญิง House จนเติบโตมาเป็นหนึ่งใน ‘เพื่อน’ ที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ชอบดูหนัง ที่กำลังจะย้ายไปทำหน้าที่ดูแลทุกคนให้ดียิ่งขึ้นอีกครั้งที่ House Samyan บนชั้น 5 ของอาคารสามย่านมิตรทาวน์ในวันที่ 20 กันยายนนี้ 

 

House RCA RCA Plaza

 

ช่วงนี้จะเห็นทั้ง 2 คนให้สัมภาษณ์และโพสต์รูปหรือสเตตัสเกี่ยวกับการย้าย House RCA ไปที่ House Samyan อยู่บ่อยๆ อยากรู้ว่าเวลาพูดถึงสิ่งเรารัก และเริ่มต้นปลุกปั้นกันมาตลอดเวลา 15 ปี ลึกๆ แล้วพวกคุณพูดถึงสิ่งเหล่านั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน 

จ๋อง: ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ เราคุยเรื่องไอเดียย้ายไปที่สามย่านมิตรทาวน์มา 2 ปีแล้ว เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้มีเทิร์นนิ่งพอยต์อะไรมากมาย แค่ อ๋อ เขามาชวน แล้วเดี๋ยวมันจะเป็นอย่างนี้ จะไปได้หรือเปล่า ไปแล้วจะเป็นอย่างไร เราคิดไว้แค่นั้น 

 

แต่พอใกล้วัน เฮ้ย เริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อกี้เดินเข้ามาเห็นป้ายเหลือเวลาอีก 10 วัน (22 ส.ค. 2562) อยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกใจหายขึ้นมาเฉยเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดว่าเป็นการหยุด เราคิดว่ากำลังจะไปต่อ แต่ลึกๆ ไอ้ความผูกพันตรงนี้มันมีอยู่เยอะจริงๆ 

 

อุ๋ย: รู้สึกเหมือนพี่จ๋องเลยว่า เฮ้ย เราแค่ไปที่ใหม่ ไม่ได้ทิ้งที่เก่า ซึ่งโจทย์สุดท้ายที่จะเก็บ House RCA เอาไว้มันดีเบตกันมาจนต้องยอมรับกันไปแล้วว่ามันต้องปิด เพราะฉะนั้นเห็นเลข 10 ข้างหน้าก็ยิ่งใจหายมาก เพราะเราไม่เคยอยากปิดมาตั้งแต่ต้น ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องใช้เวลา 1 ปีในการตัดสินใจ 

 

House RCA RCA Plaza

 

ระหว่าง 2 ปีนั้นมีเรื่องอะไรที่ต้องดีเบตกันมากที่สุด 

จ๋อง: จะไปหรือเปล่า ไปแล้วจะดีอย่างไร ศึกษาข้อดีข้อเสีย แล้วก็พยายามหาไอเดียว่าจะไม่ปิดที่นี่ได้ไหม เช่น เราเก็บที่นี่ไว้ฉายฟิล์มที่เดียวไหม แล้วฉายแค่วันละรอบพอ ซึ่งอุ๋ยก็บอกว่ามันไม่มีคนผลิตฟิล์มแล้วนะ อีก 3 ปีเราก็จะไม่มีหนังฉายแล้ว ผมก็ไปต่อว่า งั้นค่อยไปปิดตอนนั้นก็ได้ ก็มีเรื่องโน่นนี่นั่น แล้วต้นทุนจะเป็นอย่างไร จะอยู่ได้ไหมถ้าฉายวันละรอบจริงๆ แล้วไอเดียนี้ก็จบลงง่ายๆ ด้วยการย้ายเครื่องฉายฟิล์มไปอยู่ที่ House Samyan ด้วยก็ได้นี่ 

 

อุ๋ย: แต่กว่าจะได้คำตอบสุดท้ายว่าจะปิดที่นี่มันนานจริงๆ นะ เพราะพอดีเบตเสร็จ เรารู้ว่าจะต้องปิดแล้ว แต่ก็ค้างเอาไว้อย่างนั้น เพราะไม่อยากคุย ไม่อยากสรุปว่ามันต้องปิดจริงๆ 

 

ความรู้สึกระหว่างคนที่พยายามเสนอไอเดียเพื่อให้ House RCA ได้เปิดต่อ กับความรู้สึกของคนที่ต้องบอกปฏิเสธไอเดียเหล่านั้น ทั้งๆ ที่ก็อยากให้เปิดต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง 

จ๋อง: อุ๋ยเป็นคนใจร้ายอยู่แล้วไงครับ ผมเลยค่อนข้างชิน (หัวเราะ) พอถูกปฏิเสธไปเดี๋ยวผมก็กลับมาใหม่ 

 

อุ๋ย: เอ๊ะ อะไรนะ (หัวเราะ) คืออุ๋ยเป็นคนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

 

จ๋อง: ส่วนผมเป็นพวกช่างฝัน พอถูกปฏิเสธไปเดี๋ยวผมก็กลับมาใหม่ แต่ที่ตลกกว่าก็คือ พอช่วงไหนที่ผมไม่เสนอไอเดียแล้ว เดี๋ยวอุ๋ยจะมาพูดเองว่า เอ๊ะ เราเปิดต่อไปได้ไหม แล้วผมก็จะเป็นคนบอกว่าไม่ (หัวเราะ) 

 

อุ๋ย: สุดท้ายเรารู้คำตอบ แล้วเราก็หนักใจทุกครั้ง เพราะเราแฮปปี้กับที่นี่ไง มันคือที่ที่ใกล้บ้านเรา เป็นที่ที่ซูเปอร์โคซี่ เป็นโรงหนังที่เราอยากให้เป็นทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องเลือก เราไม่รู้จะทำอย่างไร 

 

House RCA RCA Plaza House RCA RCA Plaza

 

ถ้าให้มอง House RCA เป็นคนคนหนึ่ง เมื่อ 15 ปีก่อนพวกคุณเห็นเขาเป็นคนแบบไหน และเมื่อเวลาผ่านไปเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวคนคนนี้บ้าง 

จ๋อง: อุ๋ยชอบพูดว่า House คือลูก แล้วผมก็ไม่มีความเห็นที่ต่างไปจากนั้น เพราะพวกเราเป็นคนสร้างขึ้นมา จะเรียกว่าลูกก็ดูจะไม่มีผิดอะไร แต่ความยากในวันนั้นคือ ณ วันนั้น ขนาดพวกเราเองยังไม่ชัดขนาดนั้นเลยว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าเราอยากฉายหนังที่แตกต่างออกไป แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ต้องรอให้เวลาผ่านไปด้วยซ้ำเราถึงเริ่มนิยามได้จริงๆ 

 

อุ๋ย: มันก็ไม่ต่างกับการเลี้ยงลูกจริงๆ นะ

 

จ๋อง: ใช่ ค่อยๆ เรียนรู้ไปกับการเติบโตของเขา เรารู้แค่ว่าเราอยากผลิตเทวบุตรคนนี้ (หัวเราะ) ให้มีความแตกต่างไม่เหมือนบุตรคนอื่นๆ แต่เขาจะโตมาเป็นอย่าไร เอาจริงๆ เราก็ไม่แน่ใจมาก 

 

อุ๋ย: แต่เชื่อว่าเขาเป็นคนดีนะ เราก็เลี้ยงแบบที่รู้สึกว่าเราอยากให้เขาเป็น เริ่มจากเราชอบดูหนัง อยากทำโรงหนังสำหรับคนที่ชอบดูหนัง เราก็รู้สึกว่าอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักเด็กคนนี้แบบนั้น  

 

จ๋อง: แล้วก็เป็นเด็กน่ารัก เราอยากให้เขาเป็นคนน่ารักเหมือนที่เป็นมาโดยตลอด เป็นคนที่จริงใจ ผิดอะไรก็ยกมือขอโทษ ไม่ต้องเต๊ะ ไม่หยิ่ง อาจจะดูเซอร์ๆ หน่อย ซื่อๆ เลย  

 

House RCA RCA Plaza

 

คล้ายๆ ความคิดของคนเป็นพ่อแม่จริงๆ ที่อยากมีลูก อยากดูแลลูก แต่ยังไม่ได้คิดไว้ว่าเขาจะต้องเติบโตไปทำอาชีพอะไร 

จ๋อง: ไม่ถึงขนาดแค่อยากมีลูกอย่างเดียว แต่เราอยากให้เขาเป็นคนที่มอบสิ่งที่แตกต่าง ไม่ใช่เป็นแค่โรงหนัง แต่ต้องเป็นโรงหนังที่สร้างความแตกต่างขึ้นมาด้วย ซึ่งเราชัดเจนในทิศทางนี้ เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเราจะทำตามเส้นที่ขีดไว้ได้หรือเปล่า เพราะเขาต้องเติบโตมาเจอสภาพสังคม เจอความเป็นจริง เจอปัจจัยอีกหลายอย่าง 

 

ซึ่งเราหวังมาโดยตลอดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงและยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เขาจะไม่อิจฉาเพื่อนที่มีมือถือกันทุกคน เพราะพ่อมึงให้ไม่ได้นะอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) หรือหนูอาจจะมีความชอบบางอย่างที่เพื่อนเขาอาจจะไม่ชอบกัน หนูก็ต้องไม่ไหวนะลูก ผมถึงยืนยันตลอดว่าทิศทางมันชัด แต่ในเรื่องรายละเอียด คาแรกเตอร์จะเป็นอย่าไร เราก็เห็นกันไปเรื่อยๆ จากการพยายามสร้างเขาไป 

 

ตัว House เองก็บอกพวกคุณอยู่ตลอดเวลาด้วยว่าบางอย่างควรจะต้องเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน

จ๋อง: แต่เราไม่ค่อยได้ฟังเขาหรอกครับ (หัวเราะ) 

 

เป็นพ่อที่มีความเผด็จการอยู่เหมือนกัน 

อุ๋ย: พี่จ๋องคนเดียวนะคะ อุ๋ยไม่เกี่ยว อุ๋ยฟัง (หัวเราะ) 

 

จ๋อง: ไม่จริงอะ อุ๋ยนี่ตัวโหดร้ายเลย (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าผมเข้มงวดเรื่องทิศทาง เรื่องวิธีสื่อสารบุคลิกของโรงหนังว่าเราจะเป็นอย่างไร ที่เหลือผมไม่มีซีเรียสเลย ซึ่งจริงๆ อุ๋ยก็คล้ายๆ กันแหละ 

 

House RCA เป็นเด็กดื้อไหม

จ๋อง: ไม่ดื้อนะ แต่ผมเปรียบเทียบเหมือนส่งเขาไปเรียนโรงเรียนทางเลือก แล้วเขาจะอ่อนวิชาเลขมากๆ  ในขณะเพื่อนรุ่นเดียวกันเขาเก่งเลขกันหมดเลย 

 

อุ๋ย: แต่อ่อนเลขก็ไม่เป็นไร เราพยายามให้เขามีความสุขกับสิ่งที่เขาเป็น พยายามดูแลไม่ให้เขาเสียเซลฟ์ อาจจะเรียนช้าหน่อย แต่เดี๋ยววันหนึ่งก็เป็น หนูทำอย่างนี้แหละ อย่าทำอย่างอื่น ไม่ต้องทำเหมือนเพื่อนทุกอย่างก็ได้ 

 

House RCA RCA Plaza

 

แต่ถ้ามองในแง่ธุรกิจ มองโลกของความเป็นจริง เคยร้อนใจหรือคิดบ้างไหมว่า อาจจะต้องส่งลูกไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมสักหน่อย

อุ๋ย: เพราะเราเลือกแบบนี้ตั้งแต่วันแรก เราเลือกใช้วิธีทางเลือกมาตั้งแต่ต้น เราเลยมองข้ามพาร์ตเหล่านั้นไปได้ประมาณหนึ่ง ไม่ถึงกับเดือดร้อนในทันทีที่เห็นว่าลูกสอบเลขตกทุกครั้ง เพราะเป็นเราเองที่เลือกแบบนี้ เราคิดไว้ว่าลูกจะไม่เก่งเลขอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นแปลกเลย 

 

นอกจากที่บอกกับลูกว่าไม่เป็นไร แล้วเวลานั่งคุยกันเองล่ะ ต้องมาคุยกันอย่างจริงจังเรื่องลูกคนนี้บ้างไหม

ตอบพร้อมกับ: คุย แต่ลูกต้องไม่รู้ (หัวเราะ) 

 

อุ๋ย: จะไม่ทะเลาะกันให้ลูกฟัง 

 

จ๋อง: เราทะเลาะกันจริงๆ เพราะผมกับอุ๋ยเป็นคนละแบบกันเลย ถ้าไปยืนตรงแยกก็เลี้ยวคนละทางแน่ๆ เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตตลอด 15-16 ปีนี้เลย รสนิยมการตัดสินใจพื้นฐานอาจต่างกันโดยธรรมชาติก็จริง แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือเราตั้งใจทำโรงหนังนี้กันจริงๆ เรามีวัตถุประสงค์เดียวกัน แล้วเราไม่ค่อยแคร์เรื่องวิธีกันหรอก วิธีของใครก็ถูกได้ทั้งนั้น เพราะเป้าหมายเดียวกัน 

 

อุ๋ย: เราถึงส่งลูกให้ไปเรียนโรงเรียนทางเลือกไง 

 

House RCA RCA Plaza

 

แต่ไม่มีสักครั้งเลยใช่ไหมที่มาคุยกันว่าหรือจะให้ลูกไปเรียนตามโรงเรียนปกติดี

ตอบพร้อมกัน: ไม่มี 

 

จ๋อง: เรื่องอื่นจะแตกต่างกันขนาดไหน แต่เรื่องนี้จะไม่อยู่ในหัวข้อที่คุยกันแน่ๆ คุยกันว่าจะเลิกเลี้ยงเด็กคนนี้ไปเลยดีไหม ก็ไม่เคย และคิดว่าไม่มีวันด้วย 

 

อุ๋ย: มีคนชวนมาเยอะนะ บอกว่าเห็นลูกเราหน่วยก้านดีนะ น่าจะไปเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราก็จะตอบเขาไปว่า ไม่ดีกว่าค่ะ

 

ทำไมถึงปฏิเสธ เพราะบางคนอาจคิดว่าการสนับสนุนให้ลูกได้พัฒนาไปตามศักยภาพที่เขามีก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของพ่อแม่เหมือนกัน

จ๋อง: เราเห็นว่าลูกเราเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว จะให้เขาไปทำอะไรอย่างอื่นทำไม  

 

อุ๋ย: การที่เขาไม่เก่งเลข ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไม่ดีนะ เขามีอย่างอื่นที่น่าชื่นชม แค่ไม่เก่งเลขเหมือนคนอื่นเท่านั้นเอง 

 

House RCA RCA Plaza

 

วิชาไหนที่ House RCA ทำคะแนนได้ดีที่สุด 

จ๋อง: มีวิชาที่ให้นั่งยิ้มอยู่เฉยๆ ไหม ถ้ามี ไอ้นี่มันเก่งวิชานั้นแหละ (หัวเราะ) 

 

อุ๋ย: หรือพวกวิชาสังคมที่เกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ อันนี้ดีแน่ๆ 

 

จ๋อง: แล้วก็วิชาการเรือน รักษาบ้าน ดูแลทุกคน ลูกเราต้องเป็นคนมีวินัย ตรงต่อเวลา เราสอนเรื่องความรับผิดชอบให้เขาตั้งแต่วันแรก เพราะมันยากนะ การตั้งโรงหนังในที่ที่เดินทางยาก หนังที่ฉายก็ดูยาก ดังนั้นพอคนหลุดมา แสดงว่าเขาตั้งใจมาจริงๆ เพราะฉะนั้นคนน้อยอย่างไรเราก็ต้องฉาย ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้า ซึ่งเวลาฉายก็ขาดทุนนะ ค่าแอร์ ค่าไฟ โน่นนี่นั่น แต่ถ้ามีคนอยากดู เขาต้องได้ดู แล้วคนนี้จะมีความรับผิดชอบ มีใจใฝ่บริการสูงมาก 

 

แล้วคิดว่าลูกเราคงเป็นเด็กคนเดียวที่ดูแลคนอื่นแบบนี้ เห็นทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง แล้วดูแลทุกคน อยากพูดอะไรก็ได้ เหมือนอยู่ในบ้านที่อาจจะไม่ได้เห็นหน้ากันบ่อยๆ แต่ก็จะเขียนโพสต์อิตแปะตู้เย็นเอาไว้ อยากบอกอะไร อยากให้แก้อะไรก็แปะไว้ ไอ้เด็กคนนั้นก็จะดูข้อความเหล่านั้น ถ้าเห็นด้วยก็ทำ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่ทำ 

 

คิดว่าถ้า House RCA เป็นคนจริงๆ น่าจะอายุเท่าไร หรือเรียนอยู่ระดับชั้นไหนแล้ว 

จ๋อง: ยังไม่เป็นวัยรุ่นเลยครับ โตช้า ยังติ๋มๆ แต๋วๆ อยู่เลย ผมคิดว่าเขาโตช้ากว่ามนุษย์นะ ตอนนี้คงเป็นก้าวแรกๆ อยู่เลย 

 

อุ๋ย: แต่อุ๋ยว่าเขาโตขึ้นนะ ไม่ถึงกับอยู่กับที่ขนาดนั้น การย้ายไปที่สามย่านมิตรทาวน์ น่าจะเปลี่ยนจาก ม.ต้น เป็น ม.ปลาย 

 

จ๋อง: เฮ้ย ม.ปลายแล้วเหรอ (หัวเราะ) 

 

House RCA RCA Plaza

 

ทำไมชอบคิดว่าลูกเป็นเด็กขนาดนั้น

จ๋อง: ผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ลูกจะเป็นเด็กสำหรับเราเสมอ เหมือนเวลากลับไปเจอแม่เรากี่ครั้ง เขาก็จะบอกว่าหนูยังเหมือนเดิมเลย แล้วเราก็ไม่ได้หวังให้เขาโตขึ้นเท่าไรนะ อยากให้เขาเป็นเด็กต่อไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งเป็นเด็กยิ่งน่ารัก แต่พอมาคิดจริงๆ เขาก็เริ่มทำอะไรที่มันแตกต่างไปบ้างแล้วจริงๆ นี่ล่ะตามปกติของพ่อแม่ที่มักจะมองอะไรไม่เหมือนกัน

 

เรื่องอะไรที่มองไม่เหมือนกัน และทำให้ทะเลาะกันได้มากที่สุด 

จ๋อง: เรื่องไม่เป็นเรื่องเลยครับ แทบไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องธุรกิจเลย หรือเวลาจัดงานอะไรต่างๆ เต็มที่ก็แค่เถียงเพราะไอเดียไม่เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าแค่ซ้ายขวาก็เลือกไม่เหมือนกันแล้ว มันมีเรื่องให้เถียงกันได้ตลอดเวลา ธรรมดามาก 

 

อุ๋ย: ง่ายที่สุดคือ คิดแค่จะตั้งชื่อโรงหนังว่า House ก็ทะเลาะกันแล้ว อะ ลองบอกมาสิ ว่าตั้งชื่ออะไรไว้บ้าง 

 

จ๋อง: เยอะแยะ ชื่อประหลาดๆ มันต้องมาจากผมอยู่แล้ว เพราะอุ๋ยไม่ยอมตั้ง ผมก็คิดไปเป็นร้อยชื่อเลย 

 

อุ๋ย: ยกตัวอย่างเลยค่ะ (หัวเราะ) 

 

จ๋อง: จริงๆ ก็อยากลืมๆ ไปเหมือนกันนะ (หัวเราะ) พวกวันเดอร์รามา แล้วก็มีโลโก้เป็นรูปสาวน้อยมหัศจรรย์นิดหนึ่งนะ แล้วก็มีบาติสตูต้า, เบอรูชาก้า, ซาราเจโว อะไรแบบนี้ 

 

อุ๋ย: ไปจนถึง ทอยเลตต์ ซีนีมา ชื่อพี่จ๋องแปลกเสมอ และมันมาทุกทางจริงๆ นะ (หัวเราะ) สุดท้ายเราเลยถอยมาว่าซิมเปิลที่สุดดีกว่า ไม่ต้องอธิบายยาก เพราะเราพูดเรื่องซับเจกต์ที่อธิบายยากตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว 

 

จ๋อง: เป็นวิธีเสนอไอเดีย ถ้าอยากให้เขาเลือกชื่อที่เพลนๆ เราต้องเสนอชื่อที่มันแปลกที่สุด มันเป็นเทคนิคในการขายของเรา

 

อุ๋ย: แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นเคยพูดแบบนี้เลย (หัวเราะ) 

 

House RCA RCA Plaza House RCA RCA Plaza

 

เวลาเลือกหนังมาฉายทะเลาะกันหรือเปล่า

จ๋อง: ผมไม่ได้หนังมาเลือก 15 ปีแล้ว ก็คือตั้งแต่ปีแรกเลย (หัวเราะ) เพราะท้ายที่สุดมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเลือกหนังทุกเรื่อง แล้วเราบอกตั้งแต่แรกว่า House ไม่ฉายหนังดีก็สนุก ซึ่งแต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน ก็เลยให้ทีมเลือกมาตลอด มีอุ๋ยที่คอยดูหน่อยว่าลูกต้องแต่งตัวไปโรงเรียนอย่างไร 

 

อุ๋ย: อย่าให้พี่จ๋องเลือกเลยค่ะ เดี๋ยวทะเลาะกันอีก

 

จ๋อง: ประเด็นคือเลือกแล้วแป้กด้วยไง เรื่องสุดท้ายที่ผมเลือกคือ Miracle of Bern ที่เก็บเงินได้ 30,000 บาท (หัวเราะ) 

 

คิดว่าอะไรคือปัจจัยที่ส่งให้ House เปลี่ยนแปลงไปได้มากที่สุด 

จ๋อง: ส่วนตัวคิดว่ามาจากเพื่อนเขามากที่สุด คือเด็กคนนี้มันอยากดูแลเพื่อน แต่ก็ฉลาดพอที่จะเป็นตัวของตัวเองและไม่ตามใจเพื่อนในเรื่องไม่ดีนะ แล้วบางครั้งเขาก็จะมาบอกเราว่า ทำอันนี้ให้หน่อยได้ไหม เพื่อให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น สะดวกขึ้น คิดว่าปัจจัยอื่นๆ เช่น โลก หรือผลกำไรไม่มีผลกับมันเลย 

 

House RCA RCA Plaza

 

เท่าที่คุยกันมา ดูเหมือนว่าพวกคุณพูดถึงลูกคนนี้ด้วยน้ำเสียงที่ภูมิใจมากๆ อยู่ตลอดเวลา 

อุ๋ย: อย่างที่บอกว่าไม่ได้เป็นห่วงเวลามีคนอื่นมาบอกว่าลูกคุณสอบตกบ่อย จะรอดหรือเปล่า แต่เรามีความสุขและภูมิใจที่เขาเป็นแบบนี้ 

 

จ๋อง: ไม่ถึงขนาดเอาไปอวดกับใคร แต่ถ้ามีคนมาถามถึง เราจะพูดถึงลูกเราด้วยความภูมิใจมากๆ ที่สำคัญคือเราภูมิใจในตัวเขานะ ไม่ได้ภูมิใจในตัวเอง แน่นอน เรารู้ว่าเราสร้างสิ่งที่ดีขึ้นมา แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเราเจ๋ง 

 

อุ๋ย: เราอาจจะยังทำได้ไม่ดีพอด้วยซ้ำ บางทีเราน่าจะผลักลูกคนนี้ หรือทำอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ซึ่งการให้เขาย้ายโรงเรียนก็เป็นหนึ่งที่เราจะช่วยให้เขามีโอกาสดูแลเพื่อนให้ได้มากขึ้น เพราะถ้าถามความคาดหวังในวันแรก เราไม่ได้คิดถึงเรื่องการตลาด เราแค่อยากให้เขาเป็นคนที่มีคนมาหาเยอะๆ บ่อยๆ วันนี้ความคาดหวังของเราและตัวตนของเขาก็ยังเหมือนเดิม 

 

จ๋อง: ถ้าเป็นความคาดหวังเชิงความคิด ผมคิดเหมือนเดิมคือมันสำเร็จไปตั้งแต่วันแรกที่อยากให้มีเด็กแบบนี้เกิดขึ้นมาในโลก อย่างที่สองก็หวังว่าเขาจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นก้าวแรกและก้าวต่อๆ ไปของวัยรุ่น เรายังอยากให้เขาเป็นคนแบบนั้น เหมือนวันแรกที่สร้างเขาขึ้นมา แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โห ย้ายไปเช่าบ้านใหม่อยู่กลางเมือง มันก็โหดร้ายอยู่นะ

 

อุ๋ย: แต่เราก็ศึกษามาแล้วนะว่าโรงเรียนทางเลือกนี้ดีพอที่จะช่วยให้ลูกเราโตขึ้นได้ 

 

จ๋อง: แต่มันต้องลุ้นเยอะเหมือนกันนะ เหมือนตอนย้ายโรงเรียนลูกจริงๆ 

 

ตัวพ่อแม่เองก็ต้องทำงานหนักขึ้นด้วยใช่ไหม เพื่อความเติบโตของ House ในครั้งนี้ 

 

จ๋อง: เรียกว่ากลับมาทำงานอย่างที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้วก็ได้ (หัวเราะ) เมื่อก่อนอาจจะไม่ค่อยขยันเท่าไร ทั้งที่ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเราทำอะไรได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ ที่อุ๋ยบอกว่าเราอาจจะยังทำได้ไม่ดีพอ นี่คือเรื่องจริง มันยังมีช่องว่าง มีพื้นที่ให้เราพัฒนาหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ขยันขึ้นนิดหนึ่งมันก็ดีกว่าแล้ว เราขี้เกียจถึงขนาดหนักเหมือนกันนะบางที (หัวเราะ) 

 

อุ๋ย: บางทีเราก็ปล่อยเขาเอาไว้ แล้วก็แยกกันไปดูแลชีวิตส่วนอื่นๆ ของตัวเอง 

 

จ๋อง: ผมว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่าน ต้องมีช่วง 6 เดือนที่เราไม่คุยเรื่อง House กันเลย เป็นช่วงที่เห็นว่าเขาเริ่มโตแล้ว ก็ปล่อยให้โตไป เขาก็เดินวนๆ อยู่แถวนี้ ไม่เป็นไร 

 

House RCA RCA Plaza

 

มีช่วงไหนหรือเปล่าที่พอหันกลับมาดูอีกทีลูกกลายเป็นคนที่โดดเรียน แอบไปสูบบุหรี่อยู่หลังโรงเรียนขึ้นมา

จ๋อง: เราก็นึกว่าแม่เขาดูอยู่ พอกลับมาเจอแบบนั้นก็บอกว่า อ้าว นั่นลูกเธอไม่ใช่เหรอ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้จะเป็นช่วงที่นอกจากต้องทำงานหนักขึ้นแล้ว เราต้องให้เวลาเขามากขึ้นด้วย 

 

อุ๋ย: การศึกษาไม่ได้อยู่แค่ว่าส่งเขาไปโรงเรียนที่ดีที่สุดแล้วเขาจะกลายเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก สุดท้ายพ่อแม่ก็ยังสำคัญที่สุด ซึ่งเราต้องกลับมาตั้งใจทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีขึ้น

 

จ๋อง: เดี๋ยวพี่จะทำงาน 2 จ๊อบแล้วกัน (หัวเราะ) 

 

ตอนอยู่โรงเรียนเก่าบอกว่า House เป็นเด็กที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไปโรงเรียน พอย้ายโรงเรียนใหม่แล้วจะยังไม่ให้เขาอยู่หรือเปล่า 

อุ๋ย: พอเปลี่ยนที่ใหม่เราก็อยากให้เพื่อนเขาเยอะขึ้นจริงๆ ครูที่โรงเรียนก็บอกว่ามันน่าจะมีไลน์กลุ่มที่คุยกันนะ ก็เลยคิดกันว่าเราคงจะต้องมีให้ลูกได้ใช้ เพราะถ้ามีเพื่อนอยากทำความรู้จัก ก็อย่าทำให้ลำบากมากนัก ก็ทำลู่ทางให้เพื่อนเขาติดต่อกับลูกเราได้ง่ายๆ ซึ่งติดตามได้ในช่วงเดือนกันยายน 

 

House RCA RCA Plaza

 

ตามปกติการย้ายโรงเรียนไปเจอสังคมเพื่อนที่กว้างขึ้น จะนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายๆ อย่างอยู่เสมอ สำหรับคนเป็นพ่อแม่ต้องเตรียมการเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านั้นบ้างหรือเปล่า 

อุ๋ย: เราเชื่อมั่นจริงๆ นะว่าลูกเราแข็งแรงพอที่จะออกไปสู่โลกกว้าง ไปรู้จักคนแปลกใหม่ ทั้งคนที่ใช่และไม่ใช่เต็มไปหมด เชื่อว่าเขาสามารถจัดการตัวเองได้ในระดับหนึ่งเลย แล้วก็โชคดีนะว่าคนที่จะมารู้จักเขามักจะเป็นคนที่น่ารักเสมอ 

 

จ๋อง: คนที่จะมาเลือกคบเขาก็น่าจะเป็นคนเหมือนเขานั่นล่ะ ด้วยหน้าตาเขาเองที่จะดูเนิร์ดๆ หน่อย แล้วใครมองมาก็น่าจะรู้ว่าไอ้นี่ไม่รวยแน่ๆ คงไม่มีใครจะมายืนคุยด้วยเพื่อถอดนาฬิกามันหรอก (หัวเราะ) 

 

อุ๋ย: เพราะฉะนั้นเราไม่ได้กังวลเรื่องเพื่อนใหม่ ที่กังวลอย่างเดียวตอนนี้คืออยากให้เพื่อนที่อยู่โรงเรียนเก่าช่วยตามไปหาเขาด้วยเถอะค่ะ แล้วเราไม่ได้ย้ายไปต่างประเทศด้วยนะ แค่ย้ายไปต่างเขต

 

จ๋อง: ลองคิดดูสิว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดว่าต้องเลิกคบกันเพราะว่าเราแค่ย้ายบ้าน แล้วผมก็เชื่อนะว่าเพื่อนเก่าเขาจะยังเหนียวแน่นกันมากพอ เพราะฉะนั้นถ้าสะดวกเชิญเลยนะครับ เพื่อนคนเดิมรออยู่ตรงนั้นแล้ว 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X