ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นตึงเครียดขึ้นไปอีก หลังรัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองกับญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความร่วมมือด้านความมั่นคง และเป็นการขยายขอบเขตความขัดแย้งนอกเหนือจากสมรภูมิการค้าที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอกต่อกัน
คิมยูกึน รองผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมความร่วมมือด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี จากการที่พวกเขาถอดเกาหลีใต้ออกจากบัญชีกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราจึงตัดสินใจว่าการรักษาข้อตกลงที่เราลงนามกับญี่ปุ่นเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการทหารที่มีความอ่อนไหวต่อความมั่นคงนั้น ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติของเราอีกต่อไป” คิมกล่าวต่อผู้สื่อข่าว
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นลงนามในข้อตกลง General Security of Military Information Agreement (GSOMIA) เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยขีปนาวุธและทดลองนิวเคลียร์ แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านร้าวฉานอย่างหนักจากปมขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ หลังเกาหลีใต้ต้องการให้ญี่ปุ่นชดเชยความเสียหายจากการบังคับใช้แรงงานในสมัยที่ญี่ปุ่นปกครองเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นตอบโต้ด้วยการระงับการส่งออกวัสดุไฮเทคสำหรับผลิตชิปและสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ ไปยังเกาหลีใต้ รวมทั้งถอดเกาหลีใต้ออกจากรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า ขณะที่เกาหลีใต้ก็ตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน
ด้านสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นวิตกว่า หากเกาหลีใต้ถอนตัวจากข้อตกลงแชร์ข่าวกรองแล้ว จะส่งผลเสียต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค
ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แสดงความผิดหวังที่เกาหลีใต้ตัดสินใจครั้งนี้ โดยระบุว่าผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเรื่องสำคัญ และสองประเทศต่างก็สำคัญต่อสหรัฐฯ ทั้งคู่
ขณะที่ ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นวิจารณ์ว่า เกาหลีใต้นำมาตรการควบคุมการส่งออกไปรวมกับประเด็นความมั่นคง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งคู่เข้าใจดีถึงความสำคัญในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: