“พี่ฟังแล้วอย่าเพิ่งอ้วกนะครับ ปีที่แล้วผมไปเที่ยวเกาหลีมา แล้วไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เราเที่ยวด้วยกันไม่กี่วันหรอกครับ ชื่อเขาผมก็ยังไม่รู้เลย แต่ผมรู้สึกว่าผมจะรักเขา”
พี่อ้อย: โห โรแมนติกเหมือนในหนังเลยนะคะเนี่ย ไปเมืองนอก เจอกันแค่ไม่กี่วัน
“แต่เขาบอกผมว่า เราอาจจะแค่คิดไปเอง”
พี่ฉอด: แล้วคุณด่างคิดอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะคะ
“ก็ไม่รู้สิครับ ถ้าผมคิดไปเอง ผมก็คงเป็นคนคิดนาน ผ่านมาเป็นปีแล้ว ทำไมผมยังคิดถึงเขาอยู่เลย ผมยังอยากเจอเขาทุกวัน พี่ว่าผมควรเลิกบ้าได้หรือยัง”
พี่ฉอด: อ้าว แล้วทำไมคุณด่างไม่ไปหา ไปบอกเขาล่ะคะ
“โห ยากครับ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ผมรู้แค่ว่าเขาเคยเป็นตัวประกอบหนัง แล้วหนังไทยมีเป็นหมื่นๆ เรื่อง พี่ว่าผมจะเจอไหมล่ะ
“ที่เขาเคยบอกผมมันถูกแล้วล่ะครับ มันไม่มีหรอกความรักน้ำเน่าอย่างในหนัง …พี่ว่าไหม”
พี่ฉอด: อือ ถ้านั้นเอาอย่างนี้ คุณด่างฝากชื่อจริงไว้หน่อยดีไหมคะ เผื่อว่าพี่อ้อยพี่ฉอดจะช่วยอะไรได้
“เอ่อ เอาอย่างนั้นเหรอครับ ผมชื่อ…”
หลังจากสิ้นประโยคในซีนสุดท้ายของ กวน มึน โฮ หนังไทยแนวโรแมนติก-คอเมดี้ กลิ่นกรุ่นบรรยากาศเกาหลี ที่เราเชื่อเหลือเกินว่ามันพาให้ผู้ชมหลายต่อหลายคน รวมไปถึงคนรักอีกหลายคู่ได้ยิ้มน้ำตารื้นที่เก้าอี้ในโรงภาพยนตร์
วินาทีนั้นเองที่นอกจาก เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักแสดง แต่ชื่อของเขายังได้เข้าไปอยู่ในใจและทำให้แฟนภาพยนตร์ไทยพูดได้อย่างเต็มปากเต็มใจว่า ‘ยินดีที่ได้รู้จัก’ เสียที หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยนึกท้อ อยากหันหลังให้กับบทบาทนักแสดงเบื้องหน้า หลังจากผลงานการแสดงก่อนหน้าอย่าง โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต ไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังโดนสื่อและนักวิจารณ์สับเละไม่เป็นชิ้นดี
แต่เพราะคำพูดของ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เป็นทั้งรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน (ทั้งคู่ถือเป็นคู่บัดดี้ที่เคยจับมือร่วมเขียนบทภาพยนตร์แนวคอเมดี้มาด้วยกันจากภาพยนตร์ สี่แพร่ง ตอน คนกลาง (2550) และ ห้าแพร่ง ตอน คนกอง (2551) ที่ทำให้เขากลับมามีพลังใจ และฉายแสงในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้เสียทีใน กวน มึน โฮ ที่ทั้งบทภาพยนตร์และเคมีการแสดงคู่กับ หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ นั้นทำให้คนได้ยิ้ม ได้หัวเราะ และคอยเอาใจช่วยไปกับความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจาก ‘คนไม่รู้จัก’ จนกระทั่งความรู้สึกของทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนากลายเป็นความ ‘พิเศษ’ ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
คลิกชมตัวอย่างภาพยนตร์ กวน มึน โฮ:
หลังจากเข้าฉายเป็นทางการวันแรกในวันที่ 19 สิงหาคม 2553 กวน มึน โฮ กลายเป็นหนังฮิตที่ทำเงินในระดับปรากฏการณ์ของปี โดยทำเงินได้กว่า 125 ล้านบาท
ย้อนกลับไป เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี เคยเล่าถึงช่วงเวลาที่ทั้ง ‘ปลดล็อก’ และ ‘เปลี่ยนชีวิต’ ในสายงานการแสดงของเขาเอาไว้ว่า “ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอยากจะเลิกเล่นหนัง จำได้ว่าตอนนั้นผมเกิดไปได้รางวัลทุเรียนเน่า นักแสดงชายยอดแย่ จากหนังเรื่อง โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต (Golden Durian Award ครั้งที่6 – 2551 จัดทำโดยเว็บไซต์ Deknang.com)
“พอได้รางวัลแบบนี้มาผมก็รู้สึกน้อยใจ เริ่มไม่อยากรับแสดง ผมเก็บความคิดนี้ไปเล่าให้พี่โต้งฟัง เพราะตอนนั้นก็เป็นช่วงเดียวกับที่ผมกับพี่โต้งกำลังเขียนบท กวน มึน โฮ อยู่ด้วยกัน พอฟังผมเล่าจนจบพี่โต้งก็พูดมาประโยคหนึ่งที่ให้ผมจำมาจนถึงทุกวันนี้ว่า
‘ถ้ามึงเลิกเล่นไปตอนนี้ มึงก็จะเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่คนจำได้ว่า อ๋อ คนนี้ไง ที่เคยแสดงหนังแล้วได้รางวัลทุเรียนเน่าแล้วก็หายหน้าไป มึงอยากให้คนจำมึงได้ในรูปแบบนี้เหรอ…’
“พี่โต้งยังบอกอีกว่า เอาอย่างนี้ กับ กวน มึน โฮ เรามาสู้ด้วยกัน เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง”
“พอได้ฟังพี่โต้งพูด ตอนนั้นผมก็ฮึดมาก เขาจับผมมาทำเวิร์กช็อป จับมาเรียนการแสดงใหม่ แล้วผมเองก็ได้คิดว่า ผมไม่อยากเป็นคนที่ถูกจดจำว่าเป็นพระเอกที่เคยเล่นหนังมา 2 เรื่องแล้วก็เลิก เพราะหนังแป้ก”
พูดได้เลยไหมว่า โต้ง บรรจง เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และเพื่อนรวมงานที่ทำงานเข้าขากันมากที่สุด ผู้เขียนถาม
“พี่โต้งเขาเป็นผู้กำกับฯ ที่รู้ว่าต้องเอาผมไปทำอะไรแล้วคนดูจะชอบ ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีในตัวผมเลยก็ตาม แต่เขาก็จะบีบ จะเค้นจนกว่าผมจะมีสิ่งนั้นออกมาให้กับเขาจนได้ ยกตัวอย่างฉากร้องไห้ใน กวน มึน โฮ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าในชีวิตนี้ตัวเองจะสามารถแสดงบทร้องไห้ได้ เพราะมันเป็นปัญหาของผมมาตลอดตั้งแต่หนังเรื่อง ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น แล้ว คือตอนแสดงเศร้านะ ข้างในมันร้องไห้แล้วล่ะ แต่น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมา
“จนมาถึง กวน มึน โฮ พี่โต้งก็ประกาศชัดเจนว่ากูไม่สนเรื่องเวลา มึงจะใช้เวลานาน 2-3 ชั่วโมงก็ไม่เป็นไร แต่มึงจะต้องร้องไห้ให้ได้ เพราะกุอยากเห็นมึงร้องไห้ แล้วพอถึงเวลาจริงๆ เขาก็สร้างอารมณ์จนผมร้องไห้ออกมาจนได้ ถึงมันจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงเลยก็เถอะ (หัวเราะ)
“อีกสิ่งที่เจ๋งมากๆ ในตัวพี่โต้งคือ เขาจะมีอารมณ์ร่วมกับนักแสดงมาก หมายถึงว่าขนาดเขาเป็นผู้กำกับ รู้บททุกอย่างว่าซีนแบบนี้จะต้องเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถึงเวลาถ่ายทำจริงเขาก็อินกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากๆ
ผมยกตัวอย่างฉากที่ผมต้องร้องไห้ตอนเจอกับหนูนา (หนึ่งธิดา โสภณ) แล้วก็โผเข้าไปกอดกัน ตอนถ่ายซีนนั้นพี่โต้งนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ แล้วก็ร้องไห้ตามในฉากนั้นไปด้วย เพราะพี่โต้งอินกับความรักของคนคู่นี้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าไอ้นั่นก็คือเต๋อไง แล้วอีกคนก็คือหนูนา แต่พี่โต้งเขาไม่ได้รู้สึกแค่นั้นเลยครับ แต่เขาเชื่อและมองเห็นนักแสดงทุกคนเป็นตัวละครนั้นอยู่จริงๆ ซึ่งนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหนังทุกเรื่องของพี่โต้งถึงออกมาดีและประสบความสำเร็จ”
เช่นเดียวกันกับความสำเร็จของเต๋อที่ THE STANDARD POP เชื่อมาเสมอว่า ‘ดอกไม้ของคนเรานั้นบานไม่พร้อมกัน’ และเมล็ดพันธุ์ที่ดีนั้น บ้างก็รอโอกาสที่จะเติบโต งอกงามบนพื้นดิน สภาพอากาศที่เหมาะสม เช่นเดียวกันกับพระเอกของเรื่องที่ในวันนี้แม้จะผ่านมา 9 ปีแล้วนับตั้งแต่ กวน มึน โฮ ออกฉาย ที่คุณภาพและความน่ารักของเขาก็ยังทำให้แฟนภาพยนตร์รู้จัก ‘ยินดีที่ได้รู้จัก’ ได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง (แม้ว่าแอดมินและเหล่าลูกเพจ ทวงคืนใหม่ดาวิกาจากเต๋อฉันทวิชช์ อาจจะมีอารมณ์ขุ่นเคืองเขาอยู่บ้างก็ตามเถอะ)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า