วันนี้ (14 ส.ค.) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพิจารณาแนวทางรับมือสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ยืดเยื้อและส่งผลกระทบทั่วโลก การผลักดันการส่งออกของไทย การส่งเสริมการค้าชายแดน รวมทั้งรับฟังข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในประเด็นต่างๆ ที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมและสนับสนุน
โดยภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าที่ประชุมฯ กรอ.พาณิชย์ เห็นชอบตั้งทีมวอร์รูม (War Room) ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์สงครามการค้าและเสนอแนวทางรับมืออย่างทันท่วงที ซึ่งจะประกอบด้วยคณะที่ปรึกษาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ และคณะทำงาน รวมทั้งคณะทำงานด้านกฎระเบียบ ทำหน้าที่รวบรวมและจัดลำดับความสำคัญของประเด็นปัญหาด้านกฎระเบียบต่างๆ นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณา โดยต้องการให้รายงานตรง มีความว่องไว และจัดทำแผนการดำเนินการต่อไป
นอกจากนั้นได้ให้ตั้งคณะทำงานเจาะตลาดรายสินค้า บริการ และรายตลาด เพื่อเป็นเวทีให้ภาครัฐและเอกชนหารือเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการปรับตัวให้สอดรับกับการแข่งขันในภาวะที่ตลาดโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เรื่องการเจาะตลาดเร่งด่วนนั้นถือเป็นวาระสำคัญ เช่น ตลาดใกล้บ้าน CLMV กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เวียดนาม ฯลฯ เพราะถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ นอกจากนั้นคือด้านตลาดจีน อินเดีย อาเซียน และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่ยังสามารถฟื้นมาใหม่ เพราะเคยเป็นคู่ค้าข้าวของไทยที่สำคัญ รวมทั้งจอร์แดน กาตาร์ คูเวต ฯลฯ โดยที่ประชุมกำหนดให้มีคณะทำงานขึ้นมาเจาะตลาดรายสินค้า
ส่วนเรื่องการค้าชายแดนจะดำเนินการให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นแม่งาน เน้นหารือและหาข้อเสนอร่วมเอกชน และรับฟังข้อเสนอของเอกชนที่เสนอเปิดด่านชายแดนหลายแห่ง ทั้งนี้หากเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมการค้าจะได้ดำเนินการหารือฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งการเสนอขยายเวลาเปิดด่านด้วย ซึ่งจะได้นำไปเจรจาเวทีร่วมระหว่างแต่ละประเทศชายแดนเร็วๆ นี้ด้วย ซึ่งแผนงานที่ตั้งใจคือจะ ‘ทะลวงด่านค้างท่อ’ ที่เป็นอุปสรรคปัญหาอยู่ให้หมดไปเพื่อส่งเสริมการค้าต่อไป
ขณะเดียวกันสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าได้สรุปแนวทางนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตามแนวทางรับมือสงครามการค้า 4 ด้าน ดังนี้
1. ด้านการรับมือการเบี่ยงเบนการค้า เช่น การเฝ้าระวังการไหลทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ สอดส่องป้องกันการสวมสิทธิ์
2. ด้านการตลาดและการส่งออก เช่น บริหารจัดการตลาดส่งออก กระจายตลาด รุกตลาดเมืองรอง ส่งเสริมการค้าออนไลน์ เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) สร้างแบรนด์ ส่งเสริมการค้าชายแดน ปรับโครงสร้างการส่งออกของไทย เปลี่ยนจากส่งออกสินค้าขั้นต้น/ขั้นกลางเป็นสินค้าขั้นสุดท้ายที่มีมูลค่าเพิ่ม
3. ด้านการเจรจา เร่งการเจรจาความตกลงการค้าและการลงทุน (FTAs) และกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partnerships) ตลอดจนการบริหารความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยต้องพิจารณาหลายมิติประกอบกัน เช่น เศรษฐกิจการค้า ภูมิรัฐศาสตร์ ความมั่นคง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. ด้านการลงทุน ปรับนโยบายการลงทุนให้เน้นการสร้างห่วงโซ่อุปทานของไทย ผลักดันให้มีการนำสินค้าไทยร่วมไปกับการลงทุนขาออก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์