ข่าวคราวและชื่อเสียงเชิงลบที่เฟซบุ๊กเผชิญในระยะหลังๆ อาจจะทำให้ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 2 พันล้านคนรายนี้สั่นคลอนไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วคนส่วนใหญ่ แบรนด์ และสำนักข่าว ก็ปฏิเสธการใช้งานเฟซบุ๊กและอิทธิพลของช่องทางการสื่อสารนี้ไม่ได้อยู่ดี
ล่าสุดหลังตกลงยอมจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 155,000 ล้านบาทให้กับคณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ ฐานบกพร่องการป้องกันข้อมูลความเป็นส่วนตัวผู้ใช้ ในช่วงเช้าวันพุธที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กก็ได้เปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2019 (เมษายน-มิถุนายน) และพบว่าผลงานโดยรวมของพวกเขาเป็นที่น่าพึงพอใจ สวนทางกับกระแสข่าวเชิงลบพอสมควร
ในช่วงไตรมาส 2/2019 เฟซบุ๊กมีรายรับทั้งหมด 16,886 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 522,000 ล้านบาท จำแนกเป็นรายได้จากค่าโฆษณาที่ 16,624 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 514,000 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 98.4% และรายได้จากระบบการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีก 262 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,100 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 1.6%
เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน (1/2019) จะพบว่าเฟซบุ๊กมีรายรับโดยรวมเพิ่มขึ้นที่ราว 12% และหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (ไตรมาส 2/2018) เฟซบุ๊กจะมีรายรับเพิ่มขึ้นถึง 28% เลยทีเดียว
ขณะที่ตัวเลขยอดผู้ใช้งานเฉลี่ยแบบรายเดือน (MAUs) ก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2,414 ล้านรายเช่นกัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2018 ที่ 8%
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ในฐานะซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก กล่าวผ่านแถลงการณ์เปิดเผยผลประกอบการกับบรรดานักลงทุนว่า “เรามีช่วงไตรมาสที่แข็งแกร่ง และธุรกิจรวมถึงชุมชนของเราก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรากำลังลงทุนอย่างหนักเพื่อพัฒนาและสร้างเกราะป้องกันความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่าเดิมให้กับผู้ใช้งานทุกคน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งานของพวกเรา”
ทั้งนี้แม้ช่วงเปิดตลาดของวัน หุ้นของเฟซบุ๊กจะตกลงเล็กน้อยจากกรณีที่บริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับให้คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ กว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ออกมา ทิศทางหุ้นของเฟซบุ๊กก็เริ่มขานรับและส่งสัญญาณเชิงบวกจนปิดตลาดที่ 204.66 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.14% จากช่วงเปิดตลาดของวัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: Facebook