- จับตาการประท้วงในฮ่องกงหลังส่อเค้ายืดเยื้อ โดยเมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบ 22 ปีที่ฮ่องกงกลับคืนสู่การเป็นดินแดนใต้ปกครองของจีน ซึ่งผู้ประท้วงได้จัดการชุมนุมครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อกดดันให้ แคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารเขตปกครองพิเศษ พร้อมเรียกร้องให้ทางการยกเลิกการพิจารณาร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างถาวร โดยเหตุประท้วงบานปลายจนเกิดความรุนแรง หลังผู้ชุมนุมได้บุกเข้าไปในอาคารที่ทำการรัฐบาลและสภานิติบัญญัติ ขณะที่ตำรวจพยายามสลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยสเปรย์พริกไทยและแก๊สน้ำตา ก่อนจะส่งกำลังเข้ายึดสภานิติบัญญัติกลับคืนจากผู้ประท้วง
- อิหร่านย้ำ ไม่เจรจากับสหรัฐฯ จนกว่าจะยุติการคว่ำบาตร หลังความตึงเครียดจากกรณีพิพาทระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น สืบเนื่องจากสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรที่พุ่งเป้าไปที่ผู้นำระดับสูงของอิหร่านเพิ่มเติม โดยอิหร่านระบุว่าสิ่งสำคัญคือการยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมดที่มีเสียก่อน การเจรจาจึงจะสามารถเริ่มต้นขึ้นได้
- สหรัฐฯ เตรียมประกาศรายชื่อสินค้ายุโรปที่จะถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าจำนวน 89 รายการ มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อตอบโต้การอุดหนุนธุรกิจการบินให้กับ Airbus ของยุโรป ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานในองค์การการค้าโลก (WTO) ขณะที่ทางการยุโรปโต้แย้งรัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีการอุดหนุนธุรกิจการบินให้กับ Boeing เช่นกัน กรณีพิพาทล่าสุดสร้างแรงกดดันต่อตลาดการลงทุนในยุโรปอีกครั้ง หลังจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้ามูลค่า 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว
- จับตาทิศทางเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร โดยวันนี้อังกฤษมีกำหนดจะประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการก่อสร้างที่มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สืบเนื่องจากแรงกดดันของความไม่แน่นอนกรณี Brexit โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจะออกมาที่ 49.3 จุด ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 48.6 จุด นอกจากนี้ยังมีการจับตาถ้อยแถลงของ มาร์ก คาร์นีย์ ประธานธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและท่าทีนโยบายการเงินด้วย
- กระทรวงกลาโหมอินเดียแถลงความคืบหน้ากรณีการประกวดราคาโครงการต่อเรือลาดตระเวนและเรือรบขนาดเล็กมูลค่ากว่า 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ทางกองทัพได้เริ่มสั่งต่อเรือดำน้ำจำนวน 6 ลำ มูลค่ากว่า 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับกองทัพอินเดียของ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อสร้างความมั่นคงทางน่านน้ำ หลังเผชิญภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีน โดยช่วงหลังจีนมีการส่งเรือรบเข้ามาในบริเวณมหาสมุทรอินเดียเพื่อคุ้มกันเรือขนส่งน้ำมันของจีนอย่างต่อเนื่อง
สภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นขานรับแถลงการณ์ของที่ประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ให้ความสำคัญกับการค้าเสรี และส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภูมิภาค ประกอบกับการคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชะลอการตั้งกำแพงภาษีล็อตใหม่ และอนุญาตให้ Huawei สามารถกลับมาทำธุรกิจร่วมกับบริษัทอเมริกันได้
- ยุโรปลงนามในข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับเวียดนามหลังเจรจานานกว่า 7 ปี โดยเวียดนามถือเป็นประเทศที่ 4 ในทวีปเอเชียต่อจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ และเป็นประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียประเทศแรกที่ได้ลงนามในข้อตกลงนี้ ขณะที่รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่าการส่งออกไปยังยุโรปจะขยายตัวทันที 15% และเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปี 2020
- ราคาน้ำมันผันผวนในทิศทางขาขึ้น รอรับรู้ผลการประชุม OPEC โดยล่าสุดซาอุดีอาระเบียเผยว่าสมาชิกเห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC เสียก่อน ซึ่งนำโดยรัสเซีย
- ทางการจีนประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) จากสถาบันไฉซินออกมาต่ำกว่าคาดที่ 49.4 ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 50.2 โดยถือเป็นการหดตัวอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนความกังวลกรณีสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงก่อนจะมีความชัดเจนในการประชุม G20 อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ตอบสนองต่อข่าวการประกาศผลดัชนีมากนัก เนื่องจากขานรับท่าทีการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีความประนีประนอมมากขึ้นแทน นอกจากจีนแล้ว เยอรมนีและสหภาพยุโรปก็ประกาศตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์และอยู่ในแดนหดตัวเช่นเดียวกัน โดยเยอรมนีประกาศตัวเลขออกมาที่ 45.0 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 45.4 จุด และลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 45.4 จุด ขณะที่ยุโรปประกาศตัวเลขออกมาที่ 47.6 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 47.8 จุด และลดจากครั้งก่อนหน้าที่ 47.8 จุด ส่วนสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่สถาบัน ISM ประกาศดัชนีดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดและฟื้นตัวได้ที่ระดับ 54.5 จุด เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 53.7 จุด
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 383.80 ลดลง 0.96 (-0.25%)
- DAX ปิดที่ 12,521.38 เพิ่มขึ้น 122.58 (+0.99%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,497.50 เพิ่มขึ้น 71.87 (+0.97%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21,254.04 เพิ่มขึ้น 19.25 (+0.09%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,648.10 เพิ่มขึ้น 29.30 (+0.44%)
- KOSPI ปิดที่ 2,129.74 ลดลง 0.88 (-0.04%)
- Shanghai ปิดที่ 3,044.90 เพิ่มขึ้น 66.02 (+2.22%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39,686.50 เพิ่มขึ้น 291.86 (+0.74%)
- Nikkei ปิดที่ 21,729.97 เพิ่มขึ้น 454.05 (+2.13%)
- SET ปิดที่ 1,740.91 เพิ่มขึ้น 10.57 (+0.61%)
- *Hang Seng หยุดทำการ*
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 26,717.43 เพิ่มขึ้น 117.47 (+0.44%)
- S&P500 ปิดที่ 2,963.43 เพิ่มขึ้น 21.69 (+0.74%)
- NASDAQ ปิดที่ 8,091.16 เพิ่มขึ้น 84.92 (+1.06%)
Commodities
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 59.09 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 65.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนสิงหาคม ร่วงลง 24.4 เหรียญสหรัฐ หรือ 1.73% ปิดที่ 1,389.30 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: Infoquest, Bloomberg, Investing