จากกรณีที่ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักกิจกรรมทางสังคมทางการเมืองกลุ่ม Start Up People ถูกคนร้าย 4 คนรุมทำร้ายโดยใช้ไม้เบสบอลตีที่หัวจนบาดเจ็บ หัวแตก และตาบวมช้ำ โดยขณะนี้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงบาลพยาบาลนวมินทร์ 1
ล่าสุดคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์เรื่อง ความห่วงใยต่อกรณีนักกิจกรรมการเมืองถูกทำร้าย และขอให้หน่วยงานของรัฐนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว โดยระบุว่า
ตามที่ปรากฏข่าวว่าเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ ‘จ่านิว’ นักกิจกรรมการเมือง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายที่บริเวณปากซอยใกล้บ้านพักจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากในห้วงเวลาที่ผ่านมานักกิจกรรมการเมืองที่มีความเห็นต่างได้ถูกทำร้ายมาเป็นระยะๆ และหลายกรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้ ขณะที่กรณีของนายสิรวิชญ์หรือจ่านิวถือได้ว่าเป็นกรณีรุนแรง เพราะเหตุเกิดเวลากลางวันในพื้นที่สาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นในสื่อสังคมออนไลน์ยังมีกลุ่มผู้เห็นต่างจากนักกิจกรรมเหล่านี้ด้วยการแสดงความยินดี สะใจ หรือเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้ตกเป็นเหยื่อสร้างสถานการณ์ขึ้นเองเพื่อหวังผลทางการเมือง อันเป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี กสม. ขอย้ำว่าเพื่อการรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกันของทุกคนในสังคมตามรัฐธรรมนูญไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี บุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะหรือมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันอย่างไร หากการกระทำหรือการแสดงออกนั้นยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย สมควรที่บุคคลเหล่านั้นจะสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็นหรือกระทำกิจกรรมได้โดยมีความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย หรือแม้แต่หากมีบุคคลใดกระทำผิดกฎหมาย บุคคลอื่นก็ไม่อาจกระทำการนอกกฎหมาย ใช้ความรุนแรงต่อบุคคลที่ตนเห็นว่ากระทำความผิดได้ เพราะนอกจากจะเป็นวิธีที่ผิดกฎหมายแล้วยังจะนำสังคมไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นที่ไม่มีผู้เคารพกฎหมาย และไม่มีใครในสังคมที่จะมั่นใจได้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว กสม. จึงขอเรียกร้องให้ภาคส่วนต่างๆ พึงปฏิบัติดังนี้
- ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญแก่กรณีที่เกิดขึ้น รวมทั้งกรณีอื่นก่อนหน้านี้ โดยเร่งรัดหน่วยงานที่รับผิดชอบให้สืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าใครเป็นผู้กระทำผิด และกระทำไปด้วยจุดมุ่งหมายหรือแรงจูงใจใด แล้วรีบดำเนินการฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้พิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิดโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สังคมว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถกระทำการเหนือกฎหมายได้ รวมทั้งให้การเยียวยาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อมิให้เหตุการณ์ต่างๆ ลุกลามบานปลายจนอาจนำความไม่สงบมาสู่สังคม
- ขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการตามข้อ 1 และควบคุมอย่างจริงจังมิให้มีการใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังทางสื่อสังคมออนไลน์ เพราะจะทำให้สังคมแตกแยกและขาดความอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น
- ขอให้ประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของกันและกันตามกฎหมาย ยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง ปฏิเสธการใช้ความรุนแรงและการใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง และช่วยกันรณรงค์สร้างสังคมให้กลับสู่ขันติธรรม ยืดหยุ่น และเปิดกว้างต่อความแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยที่ได้รับการยกย่องมาช้านาน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์