นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ แต่ลดระดับความร้อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนรอผลการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐฯ-จีนในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัว ส่วนการเมืองไทย ตลาดยังรอดูโผ ครม. และรอคอยผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทีมวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ KTBST มองว่า มีโอกาสสูงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะพบกันในเวลา 09.30 น. วันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย และจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาด แต่นักลงทุนบางส่วนคาดว่าจะรอดูผลที่ออกมาจริงๆ
ส่วนการซื้อขายในตลาดสินทรัพย์การเงินคาดว่าจะชะลอลงในวันนี้ แต่ Flow ที่ไหลเข้าไทยจะยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง ในอีกทางหนึ่ง ตัวชี้วัดทิศทางดอกเบี้ยบ่งชี้โอกาสในการลดดอกเบี้ยที่ลดลง (เพราะการเจรจาการค้ามีโอกาสประสบความสำเร็จ)
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทรงตัวที่ 65 เหรียญ โดยมีปัจจัยความกังวลในอุปสงค์ที่ชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจ และรอการประชุม OPEC+ ในสัปดาห์หน้า (1-2 ก.ค.) คาดที่ประชุมมีมติคงกำลังการผลิตที่ 30.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนการเมืองของไทยน่าจะมีการปรับโผ ครม. รอบใหม่ แต่จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สำคัญต่อตลาด โดยคาดว่าการประกาศชื่อ ครม. อย่างเป็นทางการต้องรอหลังทราบผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณี ส.ส. ถือหุ้นสื่อ ซึ่งน่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในมุมมอง KTBST นั้นคล้ายกับวันก่อน โดยตลาดหุ้นไทยยังมี Flow ไหลเข้า เพราะการเมืองมีความชัดเจน ขณะที่เทรดวอร์ก็มีโอกาสคลี่คลายลงด้วยดี ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะบวกต่อ แต่ยังให้น้ำหนักกับหุ้นความเสี่ยงต่ำ เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า, หุ้นสัมปทาน และกองทุน (REIT, Property Fund, Infra Fund) รวมไปถึงหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- บริษัทหลักทรัพย์ KTBST