คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสประชาชาติ (UNSC) ลงมติเอกฉันท์ออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ให้หลังโสมแดงทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6
นิกกี เฮลีย์ (Nikki Haley) ทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติเปิดเผยว่า “หากเกาหลีเหนือไม่ยอมระงับโครงการนิวเคลียร์ เราจะเป็นคนหยุดมันเอง” พร้อมย้ำว่ามาตรการนี้ถือเป็นมาตรการที่แข็งกร้าวที่สุดที่เคยใช้ต่อเกาหลีเหนือ
ประเทศจีนและรัสเซียในฐานะสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงที่มีอำนาจยับยั้งมติต่างๆ ล้วนเห็นพ้องในมาตรการนี้ หลังสหรัฐฯ ยอมปรับลดแผนให้มีความรุนแรงน้อยลง
“จีนทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคดังกล่าว และเพื่อนำมาสู่การเจรจาและการประชุมหารือกัน” หลิว เจียอี้ ทูตจีนประจำสหประชาชาติกล่าว
“มาตรการที่ได้รับการอนุมัติในวันนี้สะท้อนถึงหลักการสามประการที่กล่าวไป และแสดงความเป็นเอกฉันท์ของประชาคมระหว่างประเทศที่ต่อต้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ”
ภายหลังการประชุม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติให้เหตุผลต่อการสนับสนุนว่า “รัสเซียไม่ยอมรับเกาหลีเหนือที่เรียกร้องเป็นรัฐอาวุธนิวเคลียร์ และได้ให้การสนับสนุนมติที่ต้องการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีเหนือไม่มีนิวเคลียร์”
มติเอกฉันท์ครั้งที่ 9
มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่เสนอโดยสหรัฐอเมริกาสามารถผ่านคณะมนตรีความมั่นคงอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยถือเป็นครั้งที่ 9 สำหรับประเด็นเกาหลีเหนือนี้
สหรัฐฯ ถอดแผนการแบนการเดินทางของ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ระงับการดำเนินการทางทรัพย์สิน แบนการนำเข้าน้ำมันทั้งหมด และแบนแรงงานเกาหลีเหนือที่อยู่ต่างประเทศด้วย
แผนใหม่ที่ถูกเสนอขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นอเมริกาหวังผล 6 ประการ โดยให้ระงับการนำเข้าน้ำมันของเกาหลีเหนือ แบนการส่งออกสิ่งทอของเกาหลีเหนือ ยุติการต่อสัญญาแรงงานเกาหลีเหนือในต่างประเทศ ปราบปรามการลักลอบนำเข้าต่างๆ ยุติกิจการร่วมค้ากับต่างประเทศ และคว่ำบาตรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ
สหรัฐอเมริกาชี้ว่ามาตรการนี้จะตัด ‘น้ำมันที่ถือเป็นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของเกาหลีเหนือในการสร้างและสนับสนุนทุนอาวุธนิวเคลียร์’ ลงไป คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์จากการนำเข้าน้ำมันทั้งหมด
ส่วนสาเหตุการแบนสิ่งทอเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์นี้ทำเงินให้เกาหลีเหนือมากเป็นอันดับ 2 ด้วยเม็ดเงินกว่า 760 ล้านเหรียญสหรัฐ (25,148 ล้านบาท)
นอกจากนี้ มาตรการล่าสุดจะทำให้แรงงานเกาหลีเหนือไม่สามารถทำเงินให้ประเทศได้ จากปกติที่สามารถสร้างเงินให้โสมแดงได้ถึงปีละ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (16,545 ล้านบาท)
คำขู่จากโสมแดง
ก่อนหน้าการลงมติ เกาหลีเหนือประกาศเตือนสหรัฐอเมริกาว่า “หากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น อเมริกาก็มีราคาที่ต้องจ่าย”
เช่นเดียวกัน รียองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ผ่านสื่อรัฐบาลว่า เกาหลีเหนือจะใช้มาตรการ “ที่นำมาสู่ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา”
เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนเกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดจากที่เคยมีมา สร้างแรงสั่นสะเทือนถึง 6.3 แมกนิจูด
อาวุธชิ้นนี้เป็นแบบเทอร์โมนิวเคลียร์หรือที่เรียกว่าระเบิดไฮโดรเจน ที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธนิวเคลียร์ปกติ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า ผู้นำคิมได้จัดงานเลี้ยงฉลองในวาระครบรอบการก่อตั้งประเทศ พร้อมทั้งยกย่องความสำเร็จในการทดสอบอาวุธครั้งล่าสุดด้วย
อ้างอิง: