จบไปแล้วกับงาน Bangkok International Fashion Week 2019 โดยในปีนี้งานที่สยามพารากอนจัดกันจุใจ 4 วัน 11 โชว์ จาก 14 ดีไซเนอร์ และสร้างสีสันให้กับวงการแฟชั่นไทยอีกครั้ง แต่ละแบรนด์ต่างดึงเอาเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาโชว์ ทั้งรายละเอียด เทคนิคต่างๆ รวมถึงรูปแบบของโชว์ที่ทำให้คนดูประทับใจตลอดทั้ง 4 วัน
Day 1
After the lovers by Self-Portrait & Vatanika
เปิดโชว์แรกด้วย After the lovers by Self-Portrait & Vatanika ที่เป็นการจับมือกันของเพื่อนซี้ Han Chong ดีไซเนอร์ชาวมาเลเซีย จากแบรนด์ Self-Portrait และ แพร-วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา แบรนด์ไทยแท้ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ โดยโชว์ผสมสองคอลเล็กชันเข้าด้วยกัน แบรนด์ Self-Portrait เล่นกับลวดลายสีสันดอกไม้จีโอเมตริกและสไตล์ 60-70s ส่วน Vatanika ที่ยังคงซิกเนเจอร์ความเซ็กซี่ไว้ตลอดโชว์ แทรกความแข็งแกร่งด้วยลุค Working Woman จากเบลเซอร์ผ้าทอลายตารางสุดคลาสสิก ทั้งสองแบรนด์ทำให้รันเวย์แรกลุกเป็นไฟ
Issue
ตามมาด้วยแบรนด์ไทยในตำนาน Issue ซึ่งก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เปิดตัวลุคแรกก็สร้างเสียงฮือฮาสมกับเป็นโชว์ครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ในปีนี้ คอลเล็กชันชื่อ The Day: Spring/Summer 2019 ดึงเอาแรงบันดาลใจมาจากคำพูดของสุดยอดผู้นำ มหาตมะ คานธี ที่ว่า “เพราะเมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง สิ่งที่มีค่าที่สุดคือวันนี้” ‘The Day’ เล่าเรื่องราวผ่านสีที่สะท้อนถึงความสุข ความสนุก อีกทั้งยังหยิบเอาศิลปะพื้นบ้านมาผสมผสานให้เกิดสิ่งใหม่น่าสนใจ ใส่รายละเอียดของการปักลายโดยใช้ลูกปัดและเลื่อม พร้อมกับการพิมพ์ผ้าที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ประจำของแบรนด์ที่สร้างภาพจำได้ตลอดมา
Day 2
Boys of Bangkok
กลับมาอีกครั้ง 3 แบรนด์ 3 สไตล์ที่คอยรังสรรค์เสื้อผ้าสุดคูลสำหรับคุณผู้ชาย ตั้งแต่สายสตรีทสุดซ่า ไปจนถึงหนุ่มเนี้ยบ ปีนี้พวกเขามาสร้างสีสันให้กับงาน BIFW 2019 ด้วยความโดดเด่นและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
Leisure Projects
เล่าถึงเรื่องราวการพักร้อนบนเกาะ Leisure Island สุดคูล ให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้เห็นสีสันจากเสื้อผ้าแต่ละลุคบนรันเวย์ ทั้งสีฟ้าคราม ขาว เบจ และกรมท่า หยอดความมันให้คอลเล็กชันด้วยสีเขียวและสีส้มสะท้อนแสง พร้อมรายละเอียดที่น่าสนใจเช่น การใช้แมตทีเรียลริบบิ้น และการตัดต่อแพตช์เวิร์ก
P.Mith
หยิบเอาแร่ชื่อว่า Autunite ที่เรืองแสงสีเขียวอมเหลืองมาเป็นแรงบันดาลใจ ตกผลึกออกมาเป็นเสื้อผ้าเทเลอร์สุดเนี้ยบ ไล่ไปจนถึงเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์แขนยาว และยังคงความใส่ใจกับการเลือกเนื้อผ้าอย่างดี เช่น ผ้าวูลทอละเอียด ผ้าคอตตอน หนังวัวรวมถึงตาข่ายสีเงินเมทัลลิก ที่มาในสีเขียวเรืองแสง พร้อมเพิ่มลายพิมพ์ของชั้นหินลงบนผ้าซาตินเงาและผ้าซีทรูโปร่งได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
Q Design And Play
แบรนด์ที่มาพร้อมเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยครั้งนี้เอาคำที่คุ้นตาของคนไทยอย่าง ‘บารมีพ่อแม่’ หรือ Power of Parents มาเป็นแรงบันดาลใจในคอลเล็กชัน Spring/Summer 2019 โดยทำให้นึกถึงลวดลายความสนุกของสีสันจากรถบรรทุกพร้อมคำกวนๆ จากสติกเกอร์ติดท้ายที่สร้างความซ่าให้กับแบรนด์ อีกทั้งยังจับมือกับแบรนด์แอ็กเซสซอรี Column เพื่อเข้ามาหยอดในคอลเล็กชันนี้ให้ลุคดูเท่ขึ้นอีกระดับ
Fri 27 Nov
‘แต่งตัวให้คิดตาม ไม่ใช่แต่งตามที่คนอื่นคิด’ นี่คือคอนเซปต์ที่ประกาศกร้าวจาก Fri 27 Nov โดยคอลเล็กชันนี้นำเอางานฝีมือมาใช้ออกแบบรายละเอียดลงเสื้อผ้า พร้อมแนวคิด ‘สิ่งที่เราชอบ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่สำหรับคนอื่น’ โดยเอาความไร้กฎเกณฑ์ ไร้ข้อจำกัด สร้างลุคมิกซ์แอนด์แมตช์ได้อย่างน่าประทับใจ
Day 3
ส.ก.บ. WARSHIP by Prapakas
ผักกาด-ประภากาศ อังศุสิงห์ ออกแบบคอลเล็กชันนี้ขึ้นมาจากของสะสม งานศิลปะ ตลอดจนรูปแบบศิลปะแขนงต่างๆ ให้กับแบรนด์ สอ.กอ.บอ. วอร์ชิพ (SOR.GOR.BOR. WARSHIP) ที่ประกาศว่ามีทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ออกมาเป็นคอลเล็กชันที่น่าทึ่งในโชว์ ‘SUP-PA-RANG-K Show’ หรือ สับปะรังเคโชว์ ที่มีความหลากหลายไม่เหมือนใคร ด้วยแมตทีเรียลหลากหลายนำมาปรับให้สวมใส่ง่าย และหยอดความเปรี้ยวด้วยสีสันและลวดลายที่แตกต่างอย่างลงตัว
Six P.M.
Absolute Siam ดึงเอาแบรนด์ไทยดีไซเนอร์มาแรงลงเดินรันเวย์งาน BIFW 2019 เริ่มจาก Six P.M. ที่มาในคอนเซปต์ ‘No Connection’ หรือไร้การเชื่อมต่อ ที่เอาเรื่องจริงของสังคมก้มหน้าดูมือถือมาเล่าผ่านคอลเล็กชัน โดยใช้ไวรัลเสียดสี เช่น ‘stop typing start talking’ มาใช้ โดยการใช้สีเขียวสะท้อนแสง สีน้ำเงินโคบอลต์ผสมกับสีเบสิกอย่างขาว เทา ดำ และใช้โครงสร้างเสื้อผ้าที่ดูแปลกตาและทันสมัย
Wonder Anatomie
ห่างหายจากรันเวย์ไปนาน ครั้งนี้แบรนด์เทคนิคสูงกลับมาด้วยการออกแบบเสื้อผ้าในมุมมองใหม่ด้วยคอนเซปต์ฝาแฝด ‘Twin’ โดยใช้เทคนิครีพลีต ทำให้เกิดซิลูเอตที่หลากหลายและใส่ได้หลายรูปแบบ ยังคงลายพิมพ์ออกแบบพิเศษ พร้อมหยอดเพิ่มความสนุกด้วยสีสะท้อนแสงตามสไตล์ Wonder Anatomie
iCONiC
คอลเล็กชัน Spring/Summer 2019 ว่าด้วยเรื่องราวของนักบินหญิงคนแรกของโลกที่หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ‘Amelia Mary Earhart’ เธอคือผู้จุดประกายคอนเซปต์ Lost & Found ในคอลเล็กชัน ‘In The Middle of Nowhere’ โดยแบรนด์ได้ดึงเอาจุดเด่นมาใช้ทั้งแลนด์มาร์กในอเมริกา ของเล่นสังกะสี ผลส้มแคลิฟอร์เนียจากบ้านเกิดของ Amelia ประกอบกับแถบเรืองแสงบนเสื้อผ้าเล่าถึงรันเวย์ของสนามบินลงในแพตเทิร์นชุดนักบินหญิง และชุดทำงานของอเมริกันเกิร์ลในยุคนั้น ออกมาเป็นคอลเล็กชันที่สมบูรณ์แบบ
Day 4
Milin Front Row
จัดหนักจัดเต็มให้กับแฟนๆ Milin ด้วยชุดใหญ่ที่พร้อมออกงาน โดยครั้งนี้ Milin ดูแปลกตาจากลุค Ready-to-wear แต่มาในชุดใหญ่ ซึ่งคืออีกหนึ่งไลน์จาก Milin นั่นคือ Milin Front Row คอลเล็กชันนี้ยังเน้นการใช้ผ้าตาข่าย ทูเล่ ผ้าลูกไม้ ผ้าประดับเลื่อมกับผ้าโปร่งบางเบา และขนเฟอร์ ที่จะทำให้การเคลื่อนไหวทุกก้าวของผู้หญิง Milin ดูสง่างาม คอลเล็กชันนี้แบรนด์เน้นโทนสีนู้ด สีเทา กลิตเตอร์เงินและทอง พร้อมกับความสนุกของสีชมพูแชมเปญ สีแดงเชอร์รี และสีน้ำตาลช็อกโกแลต
Nagara
ดีไซเนอร์ในตำนาน สร้างผลงานอาร์ตผ่านเสื้อผ้าด้วยการใช้ศิลปะญี่ปุ่นมาเป็นลายพิมพ์หลักกับสไตล์ญี่ปุ่นยุค 80s ของ คันไซ ยามาโมโตะ เพิ่มสีสดสะดุดตาให้กับคอลเล็กชันนี้ และยังเล่นกับดีเทลการปักเลื่อม ลูกปัด และไหมสีทองเพื่อเพิ่มมิติให้ดูโดดเด่น และยังคงสร้างเสียงฮือฮาให้กับโชว์ด้วยกองทัพเซเลบริตี้คนดังที่มาร่วมเดินในงานเช่นเคย
Pichita
Ready-to-wear สุดคลาสสิกจากแบรนด์ Pichita ในโชว์ ‘The Golden Hour’ จากคอลเล็กชัน Spring/Summer 2019 ที่ให้กลิ่นอายของยุค 50s มาปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบันตามฉบับสาวของ Pichita โดยใช้รายละเอียดของแพตช์เวิร์กและโมเสกใส่ในคอลเล็กชัน โยงกับเรื่องราวที่แบรนด์ดึงมาจากวลีของ Eckhart Tolle กล่าวถึง ‘Psychological Time’ ที่กล่าวถึงจิตใจของมนุษย์ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้มีกรอบในการใช้ชีวิต
Tube Gallery
20 ปี งานกูตูร์ย่อมๆ จากแบรนด์ Tube Gallery ยังสร้างความประทับใจให้คนดูได้เสมอ งานศิลปะ วัฒนธรรม ยังคงถูกหยอดลงในคอลเล็กชันได้อย่างสมบูรณ์ โดย พิสิฐ จงนรังสิน และ ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ ดีไซเนอร์ทั้งสองร่วมกันออกแบบคอลเล็กชัน Spring/Summer 2019 ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีในชื่อ ‘More is More’ โดยดึงเอานางแบบและนายแบบที่เคยร่วมเดินมาตลอด 20 ปีมาร่วมเดิน และมี แก้ม วิชญาณี มาร้องเพลงให้กับโชว์ จึงทำให้โชว์นี้กลายเป็นโชว์ปิดท้ายที่สวยงาม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า