หลัง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกลับมาทำงานการเมือง ปรากฏภาพลงพื้นที่ควบคู่กับ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคในหลายเวที
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21-22 มกราคมที่ผ่านมา ชัชชาติ พร้อมด้วย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง ลงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดมหาสารคาม เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษ ชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลนาภู อำเภอยางสีสุราช สวนผักนี้เป็นการลงทุนลงแรงร่วมกันของชุมชน ปลูกผักส่งให้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าปีนี้มีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลิตข้าวได้ปริมาณน้อยลง เหลือ 3 กระสอบต่อ 10 ไร่ จึงหันมารวมตัวกัน 18 ครัวเรือนเพื่อปลูกผักปลอดสารพิษ 25 ไร่ตามความต้องการของท้องตลาด สร้างรายได้สัปดาห์ละ 10,000 บาท
ชัชชาติได้พูดคุยถึงปัญหาและขั้นตอนการผลิตและส่งออกผักกับชาวบ้าน พร้อมทั้งรดน้ำสวนผัก ซื้อผัก และรับประทานผักปลอดสารพิษในไร่ หลังจากนั้นชัชชาติยังช่วยเก็บต้นหอม และอวยพรว่า “ใครกินผักกะละมังนี้ ขอให้แข็งแกร่ง”
ชัชชาติยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ว่าจุดที่ลงพื้นที่เป็นมิติใหม่ เนื่องจากการทำข้าวได้ผลไม่ดี เกษตรกรจึงมีการทำผักขึ้นมาเสริม เป็นผักไร้สารพิษ ส่งตรงเข้ากรุงเทพมหานคร สร้างรายได้มาทดแทนข้าว ซึ่งการขายข้าวมี 3 มิติคือ ราคาขายข้าว ผลผลิตต่อไร่ และต้นทุนการผลิต แต่เกษตรกรควบคุมราคาขายข้าวไม่ได้ เพราะตลาดโลกเป็นคนกำหนด ดังนั้นมี 3 วิธีที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวคือ การพยุงราคาข้าว การลดต้นทุน และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ นอกจากนั้นคือการหารายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร เช่น หมู่บ้านนี้ที่มีน้ำบาดาลดีก็ดึงน้ำบาดาลขึ้นมาปลูกผักปลอดสารพิษได้ ซึ่งมีทางเลือกอื่นอีกมากที่จะมาช่วยเสริมรายได้ และรัฐบาลเองต้องเข้ามาช่วยเหลือและให้ความรู้ ตนไปดูสถิติการส่งออกข้าวสารต่อไร่ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกจาก 10 อันดับ สูงกว่าเมียนมาประเทศเดียว แสดงว่าผลผลิตต่อไร่ต่ำ ดังนั้นถ้าทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มหรือลดต้นทุน แม้จะขายในราคาเท่าเดิม แต่ก็ได้รายได้เพิ่ม ซึ่งต้องมองในหลายมิติ
มองว่าเกษตรทางเลือกจะเป็นตัวช่วยที่ดี แต่สำคัญคือต้องตอบโจทย์ตลาด และถ้าสามารถตัดคนกลางได้ ถ้าสามารถตัดราคาส่วนต่างได้ หากทำให้เกษตรกรเข้าใกล้ผู้บริโภคได้มากขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องผ่านคนกลางมาก ซึ่งช่องทางตรงนี้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภคได้ ประกอบกับการคมนาคมที่ดีจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
“ผมว่าก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป บริษัททำธุรกิจก็ไม่ได้ทำผลิตภัณฑ์อย่างเดียว ต้องมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างเพื่อลดความเสี่ยง ต้องบริหารต้นทุนเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลง ต้องหาตลาดให้เป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ให้ใช้ทรัพยากรเท่าเดิม แรงงานต่อหน่วยมากขึ้น ถ้าเรามองเกษตรกรเหมือนเป็นธุรกิจ ผมเชื่อว่าจะมีทางออกอีกเยอะแยะเลยที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ ไม่ใช่มองแค่ราคาอย่างเดียว ซึ่งเป็นรูปแบบเก่า เราดูให้ครบวงจร ผมเชื่อว่าอนาคตทุกคนยังต้องกินข้าวและอาหารปลอดภัย เป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่จะมาเสริมรายได้ให้เกษตรกรได้”
จากนั้นชัชชาติเดินทางมาพบปะประชาชนในชุมชน ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้าและผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือเพื่อต้อนรับ ชัชชาติกล่าวกับประชาชนว่าวันนี้ได้มาดูแปลงผัก มีวิธีการจัดการที่น่าสนใจ และรัฐบาลชุดหน้าจะเข้ามาลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ทั้งการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. นำปัญหาของประชาชนเสนอเข้ามาแก้ไขในคณะรัฐมนตรีอย่างตรงจุด
ชัชชาติสัญญาว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะดูแลรายได้สินค้าเกษตร การรักษาพยาบาล การศึกษาให้เท่าเทียม เพราะมันคือประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
ชัชชาติย้ำว่าคนที่ฆ่าเราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นักการเมือง แต่คือเผด็จการที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย คนพวกนี้หัวใจไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ และมาหลอกคนประชาธิปไตยในช่วงการเลือกตั้ง จะทำลายประชาธิปไตยไทยในระยะยาว จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโครงการอะไร แต่พอใกล้ช่วงเลือกตั้งกลับมีโครงการขึ้นมามากมาย
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงแพ้ไม่ได้ และต้องได้ ส.ส. 375 คนจาก 500 คน เนื่องจากรัฐบาลได้แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกไว้ด้วย ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันออกไปเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เพียงช่วยเราหรือช่วยพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการช่วยระบบประชาธิปไตยให้ไปรอด เพื่ออนาคตของลูกหลาน และเพื่ออนาคตของประชาธิปไตยในประเทศไทย
จากนั้นชัชชาติได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรอินทรีย์เฉลิมพระเกียรติ ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่จากโครงการ Young Smart Farmer ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตและขายสินค้าเกษตร ส่วนวันพรุ่งนี้ชัชชาติและทีมงานจะไปลงพื้นที่พบปะประชาชนที่อำเภอนาดูนและอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม