ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการสำหรับศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มประจำฤดูกาล 2018-19 โดยผลการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มในค่ำคืนวันที่ 12 ธันวาคม แม้หลายทีมจะผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ก็มีทีมใหญ่หลายทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในเกมสุดท้าย
เริ่มจาก เรอัล มาดริด แชมป์เก่า 3 สมัยล่าสุด แม้ว่าจะคว้าแชมป์กลุ่มด้วยการมี 12 คะแนนจาก 6 เกม แต่ในเกมสุดท้ายพวกเขาเปิดบ้านพ่ายให้กับ ซีเอสเคเอ มอสโกไปถึง 0-3 จากลูกยิงของ เฟดอร์ ชาลอฟ นาทีที่ 37 ต่อด้วย จอร์จี เชนนิคอฟ นาทีที่ 43 และ อาร์นอร์ ซิเกิร์ดส์สัน ในช่วงนาทีที่ 73
โดยหลังจบเกมแฟนบอลเจ้าบ้านส่งเสียงโห่ร้องใส่นักเตะของตัวเองหลังจากที่ เรอัล มาดริด แพ้เกมแรกของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี รวมถึง ซีเอสเคเอ มอสโก เป็นทีมแรกที่สามารถเอาชนะ เรอัล มาดริด ทั้งเกมเหย้า-เยือนในรอบแบ่งกลุ่มของรายการนี้ นับตั้งแต่ที่ยูเวนตุสทำได้ในฤดูกาล 2008-09
ส่วนทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มไปแล้ว แต่เกมนี้หากพวกเขาชนะก็มีโอกาสคว้าแชมป์กลุ่มได้ แต่สุดท้ายก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการพ่ายให้กับบาเลนเซียทีมอันดับที่ 15 ของตารางลาลีกา สเปนไป 2-1 โดยเป็นบาเลนเซียได้ 2 ประตูจาก การ์ลอส โซเลร์ ในนาทีที่ 17 ต่อด้วย ฟิล โจนส์ ทำเข้าประตูตัวเอง และมาร์คัส แรชฟอร์ด มายิงประตูตีไข่แตกให้กับแมนยูฯ ได้ในช่วงท้ายเกม
หลังจบเกม โฆเซ มูรินโญ กุนซือปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ออกมายอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายสำหรับรอบแบ่งกลุ่ม
“ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายในกลุ่มที่ยากลำบากนี้
“ผมไม่คิดว่าทำผลงานได้ดีเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะที่เราเจอ เราต้องบริหารจัดการให้เราสามารถมาลงแข่งนัดสุดท้ายโดยที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว”
โดยรอบ 16 ทีม ปีศาจแดงที่คว้าตั๋วเป็นอันดับที่ 2 มีโอกาสพบกับ บาร์เซโลนา, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, ปอร์โต, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค ในการจับสลากวันที่ 17 ธันวาคนนี้
ข้ามมาที่ทีมของอดีตนักเตะเรอัล มาดริด ยูเวนตุสที่ต้องเก็บชัยชนะเพื่อการันตีแชมป์กลุ่ม ก็แพ้ให้กับทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ยัง บอยส์ ไป 2-1 ซึ่งนับเป็นชัยชนะเกมแรกของยัง บอยส์ ในฟุตบอลรายการนี้
สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย ประกอบไปด้วย
- ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ
- โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, บาเยิร์น มิวนิค และชาลเก 04 จากบุนเดสลีกา เยอรมัน
- เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, แอตเลติโก มาดริด จากลาลีกา สเปน
- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, โอลิมปิก ลียง จากลีกเอิง ฝรั่งเศส
- ยูเวนตุส, อาแอส โรมา จากเซเรีย อา อิตาลี
- เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) และอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์)
โดยจะจับสลากในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ของยูฟ่า www.uefa.com/uefachampionsleague
นอกจากนี้ในรอบน็อกเอาต์ของยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในครั้งนี้ จะใช้กฎใหม่ 2 ข้อเป็นครั้งแรก ประกอบไปด้วย ทีมที่ต้องลงแข่งขันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาทีสามารถเปลี่ยนนักเตะตัวสำรองคนที่ 4 ลงสนาม จากเดิมที่กำหนดให้มีเพียง 3 คนตลอดการแข่งขัน แต่ในช่วงเวลาปกติ 90 นาทียังคงเปลี่ยนตัวได้ 3 คนเท่าเดิม
รวมถึงทุกสโมสรที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ สามารถลงทะเบียนนักเตะใหม่เพิ่มได้ 3 คนแบบไร้ข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่นแม้ว่านักเตะจะลงเล่นให้กับต้นสังกัดเดิมไปแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม หากย้ายทีมก็สามารถลงเล่นให้กับสโมสรใหม่ได้ในรอบน็อกเอาต์ในฤดูกาลเดียวกัน
ภาพ: UEFA
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
