ศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกประจำฤดูกาล 2018-19 เข้าสู่จุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับรอบแบ่งกลุ่มเมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเริ่มจากเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม C ลิเวอร์พูลเปิดบ้านแอนฟิลด์รับการมาเยือนของนาโปลี โดยเกมนี้หงส์แดงต้องการชัยชนะเพียงแค่ 1-0 เพื่อคว้าสิทธิ์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในตำแหน่งรองแชมป์กลุ่ม
ซึ่งเกมนี้ก็เป็น โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่สามารถยิงประตูชัยได้ในนาทีที่ 34 ขณะที่ อลิสสัน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูค่าตัว 66.8 ล้านปอนด์ เป็นฮีโร่ออกแรงเซฟจังหวะสำคัญจนช่วยให้ทีมเอาชนะนาโปลีไป 1-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09 ที่ลิเวอร์พูลสามารถผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
“ถ้าผมรู้ว่าอลิสสันเก่งขนาดนี้ ผมคงยอมควักเงินซื้อเขามาร่วมทีมมากกว่านี้อีกเท่าตัว ประตูของโม ซาลาห์ เป็นประตูที่ยอดเยี่ยมมาก แต่จังหวะการเซฟของอลิสสันช่วยชีวิตเราไว้ในคืนนี้ ผมแทบจะพูดไม่ออกเลยถึงจังหวะนั้น” เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน กล่าวชมผลงานของลูกทีมในค่ำคืนที่พวกเขาทำได้ตามเป้าหมาย
“เกมนี้มีความดุเดือดและมีการเล่นจังหวะเคาน์เตอร์แอทแท็กเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่เราเตรียมพร้อมมาดี ขณะที่สนามแอนฟิลด์วันนี้ก็มีชีวิตชีวาและตื่นเต้นมากสำหรับเกมนี้ ผมไม่รู้ว่าจะมีผู้จัดการทีมคนไหนภูมิใจกับทีมมากกว่าผมในเวลานี้”
ลิเวอร์พูลรองแชมป์เก่าผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม C และจะไปพบกับผู้ชนะของกลุ่มอื่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะทราบผลหลังการจับสลากวันที่ 17 ธันวาคมนี้
ส่วนทางด้านท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อีกหนึ่งตัวแทนจากเกาะอังกฤษที่ลงสนามด้วยความหวังผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในค่ำคืนนี้ก็สามารถบุกไปยันเสมอกับบาร์เซโลนาได้ 1-1 โดยเป็นบาร์ซาที่ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 7 จาก มุสซา เดมเบเล ก่อนที่สเปอร์สจะตีเสมอได้จาก ลูคัส มูรา ดาวยิงวัย 26 ปีจากบราซิลในนาทีที่ 85 ส่งให้ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม B
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์