หลังวันออกพรรษา ถือเป็นช่วงฤดูการทอดผ้ากฐิน ซึ่งมีระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 เดือน และช่วงเวลานี้กระทรวงการต่างประเทศได้จัดพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายวัดต่างๆ ในต่างประเทศ เพื่อสานสัมพันธไมตรีต่อเนื่องมานานกว่า 23 ปีแล้ว
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศจัดพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดคิชู ลาคัง เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน โดยมี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) กระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธี
ขณะที่ฝ่ายภูฏาน นอกจากมี แลม พาซัง เจ้าอาวาสวัด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ยังมีแขกระดับวีไอพีของรัฐมาร่วมพิธี ทั้งที่ปรึกษาแห่งรัฐด้านการคลัง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าการเมืองพาโร
พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานภูฏานจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่วัดคิชู ลาคัง เมืองพาโร ซึ่งอยู่นอกกรุงทิมพู ซึ่งเป็นเมืองหลวง
วัดคิชู ลาคัง มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี และเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 7 ภายในประดิษฐาน ‘โจโว ศากยมุนี’ พระพุทธปฏิมาศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เคารพสูงสุดของประเทศ
กฐินพระราชทานเป็นการประยุกต์ใช้วัฒนธรรมที่มีร่วมกัน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศที่นับถือศาสนาพุทธด้วยกัน ริเริ่มขึ้นโดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ สมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2538
แม้จะนับถือศาสนาพุทธด้วยกัน แต่ศาสนาพุทธมีหลากนิกาย หลายแนวพิธีกรรม และขึ้นชื่อเรื่องศาสนา ล้วนมีความละเอียดอ่อน
โดยเฉพาะวัดที่ประดิษฐานสิ่งอันเป็นที่เคารพสูงสุดของประเทศภูฏาน ยิ่งต้องใช้ความละเอียดและศิลปะทางการทูตในการดำเนินการ ตัวอย่างเช่น การกรวดน้ำ ซึ่งเป็นพิธีกรรมสำคัญของชาวพุทธไทย แต่ที่ภูฏานไม่มีพิธีกรรมนี้ ก็ต้องเจรจาต่อรองให้รอมชอมกันมากที่สุด
แม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างเทียน ในประเทศไทยจะใช้เทียนไข 1 คู่ แต่ที่ภูฏานจะใช้เทียนที่ทำจากเนยหลายสิบอันวางเรียงกัน ส่วนนี้จึงต้องเจรจาให้พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย
ที่สุดแล้วพิธีทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยสามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงพระอารามจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินโดยเสด็จพระราชกุศลของกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและชาวภูฏาน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 933,363 นูตรัม (ประมาณ 421,104 บาท)
รมช.กระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กฐินพระราชทานถือเป็นโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรื่องราชการ โดยปีหน้าจะครบ 30 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับภูฏาน จึงได้ใช้โอกาสคุยกันเรื่องงาน เพราะทางภูฏานก็อยากจะส่งสินค้าทางการเกษตรไปขายที่ไทย เช่น น้ำผึ้งแอนติไบโอติก ซึ่งเป็นเสมือนยา รับประทานแล้วหายเจ็บคอ รวมถึงผลไม้ต่างๆ เพราะปัจจุบันไทยได้เปรียบดุลการค้าทางภูฏานมาก
“กฐินพระราชทานในต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่นับถือศาสนาด้วยกันให้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น” รมช.ต่างประเทศ กล่าว
สำหรับพิธีถวายผ้ากฐินพระราชทาน เริ่มจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นขยายไปประเทศในเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย เนปาล ศรีลังกา ภูฏาน และจีน
โดยปี 2561 นี้ ภูฏานถือเป็นประเทศแรก ก่อนจะมีพิธีถวายผ้ากฐินพระราชทานในอีก 10 ประเทศ อาทิ กัมพูชา เนปาล ศรีลังกา เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และลาว ตามลำดับ ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนหลังวันออกพรรษา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล