คนทำงานรุ่นใหม่ต้องการอะไร
คำถามนี้คือคำถามปลายเปิดสำหรับคนทำงานเองที่จะต้องถามตัวเองก่อนสมัครเข้าทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโจทย์คำถามข้อใหญ่สำหรับองค์กรต่างๆ ด้วยเช่นกัน
หลายองค์กรกำลังประสบปัญหา Turnover สูง เพราะคนทำงานรุ่นใหม่เปลี่ยนงานบ่อย โดยผลสำรวจของ JobThai.com เว็บไซต์สมัครงานชื่อดังที่ทำการสำรวจฝ่ายบุคคลขององค์กรต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 480 ราย เมื่อปี 2017 ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า ปัญหาที่พวกเขาพบเจอจากการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่อันดับ 1 คือ การเปลี่ยนงานบ่อย
แต่มองในมุมกลับกัน เมื่อ JobThai.com ทำการสำรวจสิ่งที่นักศึกษาจบใหม่ต้องการจากองค์กรที่พวกเขาเลือกจะร่วมงานด้วย อันดับ 1 คือ ต้องเป็นองค์กรที่ให้โอกาสเติบโตในอาชีพ และให้ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน
เมื่อมองดูผลสำรวจที่เกิดขึ้นจะพบว่า อาจเป็นไปได้ที่คนทำงานรุ่นใหม่จะขาดความอดทนจนไม่สามารถทนอยู่กับองค์กรใดองค์กรหนึ่งได้นานๆ
หรือแท้จริงแล้วองค์กรเหล่านั้นไม่ได้ตอบโจทย์และมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการ สุดท้ายจึงต้องตีจาก มองหาองค์กรใหม่ที่ให้โอกาสในการเรียนรู้ที่มากกว่า
แทนที่จะกล่าวโทษคนรุ่นใหม่อยู่ฝ่ายเดียว SCB คือหนึ่งในองค์กรยุคใหม่ที่หันกลับมามองความต้องการที่แท้จริงของคนทำงาน เพื่อหาทางตอบโจทย์และรักษาทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ จนตกผลึกเป็นแนวคิดที่ว่า ‘เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด’
นั่นจึงเป็นที่มาของ SCB Scholarship ทุนศึกษาต่อต่างประเทศ ที่เป็นเสมือนประตูสู่โลกกว้างสำหรับพนักงานทุกคน
SCB Scholarship โอกาสที่เปิดกว้างสำหรับคนทำงานที่มีความฝัน
จากเด็กจบใหม่ที่เริ่มต้นทำงานในตำแหน่ง IT Management Trainee ณภัทร์ โรมรัน คือหนึ่งในตัวอย่างของคน SCB ที่มีแพสชันอย่างเต็มเปี่ยม และมองไกลไปกว่าจุดที่ตัวเองยืนอยู่
“ผมมีความฝันตั้งแต่เด็กที่จะทำงานในองค์กรที่มอบทุนให้พนักงานเพื่อไปเรียนต่อ” ณภัทร์เล่าถึงความฝันที่เขามีก่อนที่จะได้มาร่วมงานกับ SCB
5 ปีผ่านไปกับตำแหน่งที่ขยับขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์และความสามารถที่สั่งสม ในที่สุดความฝันของเขาก็กลายเป็นความจริง เมื่อ SCB เปิดโอกาสให้เขาได้ไปเรียนต่อ MBA ในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอย่าง Sungkyunkwan University เกาหลีใต้ 1 ปี และต่อด้วย School of Business, Global MBA and Indiana University, Kelley School of Business สหรัฐอเมริกา อีก 1 ปี ด้วยทุนเต็มจำนวน อีกทั้งยังได้รับเงินเดือนเหมือนพนักงานปกติทั่วไป
“มองภาพตัวเองให้ชัด มุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ และ Go beyond the limit” คือเคล็ดลับที่ณภัทร์บอกกับเรา เมื่อถามถึงขั้นตอนการขอทุน ก่อนจะเล่าเสริมว่า “การขอทุนไม่ยากครับ หากเราสามารถนำเสนอตัวเองได้ว่าสิ่งที่ SCB ลงทุนไปกับเรา เราจะทำอะไรให้องค์กร และองค์กรจะได้อะไรจากตัวเรา คือก่อนจะขอทุนเราต้องทำงานมาสักระยะ และสามารถวางแผนการเรียนที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ อย่างผมเลือกไปเรียน MBA ก็เพราะผมมีความรู้ด้าน IT อยู่แล้ว แต่ยังขาดทักษะด้านการบริหาร ซึ่งจะทำให้ผมสามารถต่อยอดการทำงานจากเดิมได้อีกมาก ซึ่งองค์กรคงเล็งเห็นตรงนี้จึงมอบโอกาสให้ผมได้ไปเรียนต่อ”
จากประสบการณ์ 2 ปีที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ณภัทร์กลับมาประเทศไทยด้วยมุมมองที่สดใหม่กว่าเดิม เพราะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำในเรื่อง Cashless Society ในระดับโลก พร้อมประสบการณ์ที่มากกกว่าในห้องเรียน
“หลังกลับมา มุมมองของผมเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ เพราะก่อนไปเรียน ผู้ใหญ่แต่ละท่านก็จะเรียกไปคุย ให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งเรื่องหนึ่งที่ผมจำได้ดีและผู้ใหญ่ทุกคนเน้นย้ำเสมอคือ ส่งไปเรียน ไม่ใช่ให้เรียนอย่างเดียว แต่ให้ไปใช้ชีวิตและเก็บประสบการณ์ด้วย ซึ่งคำแนะนำนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าองค์กรนี้เขาแคร์พนักงานจริงๆ ซึ่งผมมองว่าโอกาสนี้เปิดกว้างสำหรับคนรุ่นใหม่ทุกคน ถ้าหากเราก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปได้ และมีความมุ่งมั่นที่มากพอ SCB ก็พร้อมจะให้โอกาสทุกคนเสมอ”
ปัจจุบัน ณภัทร์ ทำงานในตำแหน่ง Project Manager ในแผนก Digital Banking โดยใช้ประสบการณ์การบริหารที่ได้เรียนมาบวกกับมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้นมาพัฒนาบริการใหม่ๆ ให้กับแอปพลิเคชัน SCB Connect ที่ทำให้เรื่องการเงินบนมือถือกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับชีวิตประจำวัน
เปลี่ยน ‘ความกลัว’ เป็น ‘ความกล้า’ ท้าทายขีดจำกัดเดิมๆ ของพนักงาน
นอกจากทุนศึกษาต่อต่างประเทศจะช่วยทำให้พนักงานพัฒนาศักยภาพตัวเองอย่างก้าวกระโดดแล้ว ในอีกมุมโอกาสที่ SCB มอบให้กับพนักงานยังเป็นเสมือนคำท้าทายที่เป็นแรงกระตุ้นให้หลายๆ คนลุกขึ้นมาต่อสู้กับความกลัวในใจของตัวเองด้วย
พงศ์พลิน จันทราภิรมย์ Chief Legal and Control Office ของ SCB คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เพราะจากทนายความของธนาคารที่เกรงกลัวภาษาอังกฤษ และไม่เคยคิดฝันจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่วันหนึ่งเมื่อโอกาสมารออยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่ลังเลที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับความกลัวและคว้าโอกาสนั้นได้สำเร็จ
“ก่อนหน้านี้ผมเรียนจบปริญญาโทในประเทศไทย แต่เดิมผมรู้สึกมาตลอดว่าทุนเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องไกลตัวมาก เพราะภาษาอังกฤษเราไม่แข็งแรง และถึงแม้ผลการทำงานจะค่อนข้างโอเคและมีความสามารถพอที่จะสมัครขอทุน แต่ลิสต์มหาวิทยาลัยที่ธนาคารกำหนดล้วนอยู่ในระดับท็อปของโลกทั้งนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับผม”
หลังได้คำตอบที่ชัดเจนกับตัวเอง พงศ์พลินเริ่มต้นทำความฝันให้เป็นจริงด้วยการทุ่มเทพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แม้จะต้องสอบ TOEFL ถึง 15 ครั้ง และ IELTS อีกไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้กลางทาง เราถามเขาว่าทำไม และนี่คือคำตอบที่ได้รับ
“เพราะโอกาสมันมาแล้ว และเราก็เลือกแล้ว ถ้าเราหยุด มันก็เหมือนไปไม่ถึงฝัน ไหนๆ มาแล้วก็ต้องทำให้สุด ต้องสู้ไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่เราต้องการเพื่อที่จะสามารถไปยื่นสมัครในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกให้ได้”
สุดท้ายความพยายามไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง เพราะเขาได้ไปเรียนต่อที่ University of Pennsylvania Law School ด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ และ Cybercrime อย่างที่หวังไว้ ซึ่งระหว่างเรียนทำให้เขามองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ และช่วยทำลายกรอบกฎหมายเดิมๆ ที่เคยยึดถือไว้
“พอไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผมมองเห็นเลยว่ากฎหมายดิจิทัลของไทยยังมีข้อจำกัดอีกมาก ในขณะที่ต่างประเทศเขาไม่มีข้อจำกัดใดๆ และพร้อมจะปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราได้เห็นเทรนด์กฎหมายใหม่ๆ จากประเทศที่พัฒนาแล้วเพื่อมาต่อยอดสู่บริการของธนาคารที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้”
ยืดหยุ่น หมุนเวียน บนเส้นทางแห่งการเติบโตของคน SCB
นอกจากทุนเรียนต่อต่างประเทศแล้ว อีกโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับพนักงาน SCB ทุกคนคือการเปลี่ยนแปลงสายงานตามความต้องการและประสบการณ์ของแต่ละคน ซึ่ง เขมรินทร์ วรวัฒน์นิธิกร General Resource Pool สายวาณิชธนกิจ และธุรกิจตลาดทุน คือหนึ่งคนที่ได้รับโอกาสนั้น
“ส่วนตัวมองว่าทุนเรียนต่อต่างประเทศของ SCB เป็นโครงการที่ดีมาก เพราะนอกจากเราจะไม่ต้องเสียเงินไปเรียนเอง แถมยังได้เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงในขณะเรียนต่อ ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่เสียอะไรเลย และเมื่อกลับมาเรายังสามารถเลือกทำงานในแผนกไหนก็ได้ที่เราสนใจ จะเปลี่ยนจากแผนกเดิมและลองเรียนรู้การทำงานในแผนกอื่นๆ ก็ได้ ถือเป็นการให้โอกาสที่เปิดกว้างมากจริงๆ”
หลังได้ทุนเรียนต่อ MBA ที่ University of Manchester ในประเทศอังกฤษ เขมรินทร์กลับมาพร้อมประสบการณ์และทักษะใหม่ๆ ที่ทำให้เธอก้าวจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ สู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการขยายกิจการ และการระดมทุนให้กับลูกค้าองค์กร ซึ่งต้องอาศัยมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจของโลก ซึ่งเธอเก็บเกี่ยวมาได้ระหว่างการเรียน
“ก่อนหน้าที่จะได้ทุนไปเรียนต่อ เรายังไม่มีประสบการณ์การทำงานมากนัก เพราะเรียนจบก็เข้าทำงานเลย เราจึงยังมองไม่เห็นช่องทาง และแผนงานที่เราต้องการในอนาคต ซึ่งพอทำงานไปเรื่อยๆ เราเริ่มรู้สึกว่ามันถึงจุดอิ่มตัว จึงคิดว่าอยากไปเรียนเพิ่มเพื่อต่อยอดให้กับตัวเอง ซึ่งการไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้เราได้รู้จักสายงานอื่นๆ นอกเหนือไปจากธุรกิจธนาคาร เปิดมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก มองเห็นแพลตฟอร์มและบริการใหม่ๆ มากมาย ทำให้รู้ว่าโลกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน”
นอกจากจะเห็นเทรนด์ธุรกิจใหม่ๆ แล้ว สิ่งที่เธอได้จากการไปเรียนต่อต่างประเทศคือการเพิ่มพลังให้กลับมาทำงานได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
“คนเราหากถึงจุดที่เบื่อ ส่วนมากทางแก้คือการลาออก ทั้งที่บางครั้งเราอาจจะแค่เบื่อสิ่งที่ทำอยู่ แต่ SCB มีเส้นทางให้เราเลือกมากมาย ให้โอกาสในการได้เรียนรู้และทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ทำให้คนทำงานไม่ต้องทนกับการทำงานเดิมๆ เหมือนเป็นการรีเฟรชทุกคนตลอดเวลา”
เพราะเข้าใจโลกการทำงานที่หมุนไวขึ้นทุกวัน SCB จึงมุ่งมั่นพัฒนาคนให้ก้าวข้ามกรอบจำกัดเดิมๆ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการทำงาน แต่ยังเปิดโอกาสในการเรียนรู้ข้ามโลก สนับสนุนทุนการศึกษาในสาขาที่สนใจ เพื่อการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด
หากให้นึกภาพตัวเองนั่งทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งไปนานๆ หลายคนคงนึกไม่ออก เพราะไม่มีใครรู้ว่า ‘จุดอิ่มตัว’ ในการทำงานจะมาถึงวันไหน แต่หากองค์กรที่ทำงานด้วยมีเส้นทางที่ทอดยาวให้เลือกเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ความท้าทายและการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาก็คงจะดีไม่น้อยใช่ไหม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า