×

บั้นปลายอาชีพของ เมสซี กับการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป้าหมายสุดท้าย

12.10.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • เมสซีกำลังเดินทางสู่ขาลงของชีวิต และไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าเขาจะรักษาความมหัศจรรย์เอาไว้ได้อีกนาน เพราะเขาดูแตกต่างจาก คริสเตียโน โรนัลโด คู่แข่งชั่วชีวิตที่เอาจริงเอาจังกับการดูแลร่างกายอย่างเข้มงวดเพื่อให้สามารถค้าแข้งได้ต่อไปอย่างยาวนานที่สุด
  • เมสซีเริ่มตระหนักได้ว่า เขาในวัย 27 ปีไม่สามารถจะทานอะไรตามใจปากเหมือนตอนอายุ 18-19 ได้ และนั่นทำให้เขาเริ่มฟังคำแนะนำของ จิวลิอาโน โพเซอร์ นักโภชนาการชาวอิตาเลียนอย่างจริงจัง จริงใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • เมสซีเปลี่ยนมาทานผลไม้สด, ผลไม้อบแห้ง, ถั่ว, เมล็ดธัญพืช และสลัดที่จะราดหน้าด้วยน้ำมันมะกอกเท่านั้น สำหรับน้ำอัดลมทั้งหลาย เขาทดแทนมันด้วยเครื่องดื่มท้องถิ่นสไตล์ชาวละตินอเมริกันคือ กาแฟเข้มข้นที่ผสมด้วยชา

ทราบไหมครับว่า ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้ ลิโอเนล เมสซี อายุ 31 ปีแล้ว

 

บางคนอาจจะทราบ ขณะที่หลายคนอาจไม่ทราบ ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่เราทราบแน่ๆ คือเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน (คิดถึงไอ้หนูลิโอเนลหัวกระเซิงในวันวานขึ้นมาทันที) และวันเวลาที่เราจะได้เห็นนักฟุตบอลที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ที่สุดในโลกลงวาดลวดลายให้เห็นนั้นจะยิ่งเหลือน้อยลงไปทุกที

 

เมสซีกำลังเดินทางสู่ขาลงของชีวิต และไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าเขาจะรักษาความมหัศจรรย์เอาไว้ได้อีกนาน เพราะเขาดูแตกต่างจาก คริสเตียโน โรนัลโด คู่แข่งชั่วชีวิตที่เอาจริงเอาจังกับการดูแลร่างกายอย่างเข้มงวดเพื่อให้สามารถค้าแข้งได้ต่อไปอย่างยาวนานที่สุด

 

ดังนั้นแม้วัยจะล่วงเข้าเลข 33 ปี แต่สภาพร่างกายของโรนัลโดไม่แตกต่างอะไรจากเด็กเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ

 

ขณะที่เมสซีดูเป็นคนสบายๆ ดูไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะทำอะไรขนาดนั้น เพราะแค่พรสวรรค์ที่ติดตัวมานั้นเชื่อได้ว่าน่าจะเล่นในระดับสูงสุดได้อีก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย

 

แต่ถ้า ‘ลา พูลกา’ (เจ้าตัวหมัด สมญาของเขา) ทำแบบนั้น บางทีเขาอาจจะรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงสุดที่ทำประตูได้เฉลี่ย 40 ประตูเป็นระยะเวลา 10 ปีติดต่อกัน (ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่คงจะหาใครมาทาบได้แสนยากหลังจากนี้) เอาไว้ไม่ไหว

 

เช่นนั้น การเล่นของเขาน่าจะตกลงเรื่อยๆ และในวันหนึ่งคงกลายเป็นส่วนเกินในทีมบาร์เซโลนา และนั่นหมายถึงช่วงเวลาของการจากลาที่ย่างกรายเข้ามา

 

สำหรับคนที่นิยมในซ้ายฟ้าประทานของเขาอย่างผม แค่คิดก็เศร้าแล้วครับ

 

นักเขียนลูกหนังระดับชั้นนำของวงการหลายคนก็พยายามบอกกับผู้อ่านว่า ระหว่างที่ เมสซียังโลดแล่นในสนามได้อย่างสง่างามไหว ก็ขอให้จดจำวันเวลาที่ดีเอาไว้

 

เพราะนักฟุตบอลแบบนี้ร้อยปีจะมีสักคน

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เขียนไปเมื่อข้างต้นนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันครับ เพราะเพิ่งมีการเปิดเผยความลับของเมสซีออกมาว่า ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นคนปล่อยปละละเลยการดูแลสุขภาพร่างกายอะไรขนาดนั้น

 

ในทางตรงกันข้าม เขาพยายามทำทุกอย่างที่จะทำได้เพื่อที่จะยืดอายุการเล่นของเขาให้ยาวนานที่สุด

 

โดยที่วิธีการของเขานั้นเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย และที่สำคัญกว่าคือเป้าหมายของเขา ผมเชื่อว่าไม่มีใครเดาถูกแน่ครับว่าเมสซีทำเพื่ออะไร

 

 

การเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แกร่งที่สุด

ย้อนหลังกลับไปในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่สนามเวมบลีย์ หลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายหลังเกมจบลงด้วยชัยชนะของบาร์เซโลนาเหนือท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เหล่าขุนพลเบลากรานายืนเรียงรายและปรบมือร้องเพลง

 

พวกเขาร้องว่า “ใครคือคนที่เป็น The Best”

 

สิ่งที่นักเตะบาร์ซาต้องการสื่อคือ สำหรับพวกเขา คนที่เป็น The Best ของโลกยังคงเป็นยอดนักเตะอาร์เจนไตน์คนเดิม หลังจากที่เมสซีไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น 3 ผู้เล่นสุดท้ายที่มีโอกาสได้รางวัล (3 คนได้แก่ คริสเตียโน โรนัลโด, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ลูกา โมดริช ซึ่งสุดท้ายเป็นโมดริชที่ได้รางวัลที่จัดขึ้นโดยฟีฟ่าไปครอง) เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

 

เมสซีแสดงให้เห็นถึงผลงานระดับ ‘มาสเตอร์คลาส’ ในเกมพิชิตสเปอร์ส โดยเขาวิ่งถึง 8.2 กิโลเมตรในเกมนั้น และสัมผัสบอลมากถึง 96 ครั้ง ไม่นับการทำ 2 ประตูสวยๆ และการยิงชนเสาแบบสมควรเข้า และลูกเล่นกลเม็ดเด็ดพรายที่โชว์ออกมา

 

เกมนั้นเป็นเกมที่เมสซีเล่นได้ดีที่สุดในรอบปี และเป็นเหมือนแทนคำตอบต่อคนที่สงสัยในตัวเขา

 

แต่ในเบื้องหลังของฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมนั้น เมสซีไม่ได้นอนเฉยๆ แล้วตื่นมาก็เล่นได้สุดยอดเลย

 

นอกเหนือจากการทุ่มเทในการฝึกซ้อมแล้ว เขาได้ทำในสิ่งที่ยากลำบากที่สุดในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่โหด หิน และเหี้ยมที่สุด

 

คู่แข่งคนดังกล่าวไม่ใช่โรนัลโดหรือใคร หากแต่เป็นตัวของเขาเอง!

 

สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือเรื่องนิสัยในการกินของเมสซีที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากนัก โดยเฉพาะสำหรับนักฟุตบอลในปัจจุบันที่เรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา การโภชนาการ และเรื่องของฟิตเนสมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างความแตกต่างในการเล่น

 

ในทีมบาร์ซามีเรื่องเล่าอยู่ครับว่า ครั้งหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตโค้ชที่เปลี่ยนเมสซีให้เป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกได้พยายามที่จะเปลี่ยนอุปนิสัยการรับประทานของสตาร์ตัวน้อยในทีมเสียใหม่

 

สิ่งที่เป๊ปร้องขอต่อสโมสรคือ การขอให้เอาตู้กดน้ำออกไปไกลๆ จากห้องแต่งตัวได้ไหม เพราะการที่อยู่ใกล้ห้องแต่งตัวนั้นย่อมหมายถึงการที่เมสซีจะสนใจแต่การกดโคลากระป๋องมาดื่มในช่วงก่อนเกม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สวนทางกับการเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามที่ดีอย่างสิ้นเชิง

 

ครั้งหนึ่งในฤดูกาล 2008-2009 ในช่วงทีมทอล์ก ซึ่งเป๊ปกำลังพูดอธิบายแผนการเล่นอย่างขะมักเขม้น เมสซีขัดจังหวะของเขาด้วยการขออนุญาตไปกดโคลากระป๋อง เครื่องดื่มโปรดของเขามาดื่มให้สะใจ

 

การกระทำเช่นนั้นเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรง เป็นการหักหน้าเจ้านาย และยังเป็นการทำลายสมาธิของเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย ดังนั้นเป๊ปจึงไม่อนุญาตให้เมสซีทำเช่นนั้น

 

แต่แทนที่จะสนใจ เมสซีกลับเดินออกจากห้องไปกดโคลากระป๋องออกมา แล้วยืนกระดกดังเอื้อกๆ ต่อหน้าเป๊ปและเพื่อนร่วมทีมที่ยืนช็อกพูดอะไรไม่ออก

 

ขณะที่ ชาร์ลี เรซัค อดีตนักเตะระดับตำนานของบาร์ซาเปิดเผยว่า เมสซีกินพิซซ่าเกินลิมิตกว่าที่ควรจะกินได้

 

นอกเหนือจากโคลา (และน้ำหวานต่างๆ) พิซซ่า และพาสต้าแล้ว เมสซียังไม่เคยขาด ‘มิลาเนซา’ (อาหารพื้นเมืองสุดโปรดของชาวอาร์เจนตินา ก็คือสเต๊กเนื้อจานโตราดซอสมะเขือเทศโปะด้วยชีสและแฮม) รวมถึงจังก์ฟู้ดทั้งหลาย

 

เรียกว่าอะไรที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ นั่นแหละคือของโปรดของเขา

 

 

อย่างไรก็ดี เมื่อมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เมสซีเริ่มตระหนักได้ว่าเขาในวัย 27 ปีไม่สามารถจะทานอะไรตามใจปากได้เหมือนตอนอายุ 18-19 ได้

 

และนั่นทำให้เขาเริ่มฟังคำแนะนำของ จิวลิอาโน โพเซอร์ นักโภชนาการชาวอิตาเลียนอย่างจริงจัง จริงใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 

โพเซอร์เป็นนักโภชนาการที่เมสซีได้รับการแนะนำมาจาก มาร์ติน เดมิเคลิส รุ่นพี่ในทีมชาติ ในช่วงหลังจบฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งการพบกันของทั้งสองในครั้งนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเมสซีไปตลอดกาล

 

หนึ่งในคำแนะนำของโพเซอร์ที่มีต่อเมสซีและความจริงก็เป็นหลักพื้นฐาน คืออาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมากคือศัตรูหมายเลขหนึ่งต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ  

 

เรื่องบางเรื่องสำหรับคนบางคน ถ้าคนอื่นพูดอาจไม่เชื่อ เมสซีก็เช่นกันครับ ใครพูดเรื่องนี้เขาไม่เชื่อ แต่เมื่อโพเซอร์พูด คราวนี้เขาเชื่อ

 

จากคนที่ตามใจปาก เมสซีกลายเป็นคนใหม่ที่ดูแลร่างกายตัวเองดีขึ้น อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นโคลา น้ำหวาน น้ำอัดลม พิซซ่า พาสต้า รวมถึงจานเนื้อสุดโปรด (ซึ่งไม่ง่ายเลยสำหรับชาวอาร์เจนตินาที่ชอบทานเนื้อมากกว่าอะไรบนโลก แต่เนื้อนี่แหละคือตัวที่จะทำให้ร่างกายทำงานหนักในการย่อยเนื้อชิ้นใหญ่ๆ) ทั้งหมดนี้ถูกเขาตัดญาติขาดมิตรกันเด็ดขาด จะมีบ้างที่ยอมให้มาพบหน้ากันบ้างในโอกาสพิเศษที่จะไม่กระทบต่อช่วงที่ต้องลงสนาม

 

เมสซีเปลี่ยนมาทานผลไม้สด, ผลไม้อบแห้ง, ถั่ว, เมล็ดธัญพืช และสลัดที่จะราดหน้าด้วยน้ำมันมะกอกเท่านั้น

 

สำหรับน้ำอัดลมทั้งหลาย เขาทดแทนมันด้วยเครื่องดื่มท้องถิ่นสไตล์ชาวละตินอเมริกันคือกาแฟเข้มข้นที่ผสมด้วยชา

 

ด้วยการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทำให้ในฤดูกาลหลังฟุตบอลโลก เมสซีกลับมารายงานตัวด้วยสภาพร่างกายที่เบาลงถึง 3 กิโลกรัม และในฤดูกาลนั้นเขาพาทีมคว้า 3 แชมป์ได้ในฤดูกาลเดียว​ (ลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก)

 

และหลังจากนั้นเมสซียังปฏิบัติตามคำแนะนำของโพเซอร์อย่างเคร่งครัด ทำให้สามารถรักษาน้ำหนักเอาไว้ได้ที่ 67 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เหมาะสมกับร่างกายที่สูง 5 ฟุต 5 นิ้ว และมันได้ช่วยลดอาการบาดเจ็บของเขาลงได้อย่างมาก หลังก่อนหน้านี้ 7 ปี ในช่วง 2006-2013 เขาได้รับบาดเจ็บมากถึง 11 ครั้ง ซึ่งมีทั้งหนักและเบาแตกต่างกันไป

 

นอกจากนี้มันยังทำให้เขาสามารถหยุดพฤติกรรมประหลาดในการอาเจียนอย่างหนักช่วงก่อนลงสนามบางนัดที่เคยเป็นข่าวครึกโครมได้ด้วย

 

แน่นอนครับว่าการที่คนระดับเมสซีทำขนาดนี้ เขาย่อมมีเป้าหมาย

 

แต่เป้าหมายนั้นไม่ใช่แค่การยืดระยะเวลาในการรักษาสถานะความเป็นหนึ่ง

 

คนระดับเมสซีเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และพิเศษกว่านั้น

 

 

เป้าหมายสุดท้ายของเมสซี

กับคนที่พิชิตเกือบทุกอย่างบนโลกลูกหนังมาแล้ว และครองความเป็นหนึ่งมายาวนานในความรู้สึกของแฟนฟุตบอลจำนวนมาก เราอาจคิดว่าสิ่งเดียวที่เขาขาดคือการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ซึ่งจะเป็น ‘มงกุฎสุดท้าย’ ที่จะทำให้ชื่อของ ลิโอเนล เมสซี สามารถยืนหยัดเคียงข้าง เปเล และ ดิเอโก มาราโดนา ได้

 

และการที่เขาหันมาดูแลร่างกายตัวเองอย่างเคร่งครัดก็น่าจะเพื่อการนี้เหมือนกัน

 

ดูเหมือนเราอาจจะคิดผิดกันครับ เพราะสำหรับเมสซีเวลานี้ โทรฟีใบใหญ่ที่สุดของเขาอาจจะไม่ใช่โทรฟีสีทองใบนั้นอีกแล้ว

 

รางวัลที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับเขาคือ ‘ติอาโก’ ลูกชายคนโตที่กำลังโตวันโตคืนในวัย 5 ขวบ และจะอายุครบ 6 ขวบในเดือนหน้า (พ.ย. 2018)

 

ด้วยวัยนี้ เจ้าหนูติอาโกเริ่มรู้เรื่องแล้ว และสิ่งที่เขาสนใจก็คือการติดตามทีมบาร์เซโลนาและทีมชาติอาร์เจนตินา หรือพูดง่ายๆ คือติดตามผลงานของพ่ออย่างใกล้ชิด และสำหรับเมสซี นอกจากคำแนะนำของนักโภชนาการโพเซอร์แล้ว ลูกชายคนโตคนนี้ก็เป็นอีกคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล

 

“นับตั้งแต่ที่ติอาโกเกิด ผมพยายามที่จะรับมือกับความพ่ายแพ้ในรูปแบบที่แตกต่าง” เมสซีเล่าถึงลูกชาย “แต่มันก็เป็นเรื่องยาก เวลาแพ้ผมจะเสียใจหนักมาก และรู้สึกเป็นเรื่องยากมากที่จะดึงตัวเองกลับมาได้ ผมอาจจะใช้เวลาหลายวันและติอาโกก็เข้าใจดี

 

“เขาเริ่มชอบฟุตบอล และเขาก็ติดตามอาร์เจนตินากับบาร์เซโลนา โดยหลังการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะคุยกับผมเรื่องพวกนี้ แต่บางทีเขาก็เผลอ แล้วเขาก็นึกได้ว่า อ่า…ผมรู้ว่าเราไม่ควรจะคุยกันเรื่องนี้”

 

แต่การที่ลูกชายหันมาสนใจฟุตบอลและสนใจในผลงานของพ่อแบบนี้ ทำให้เมสซีเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก

 

 

อย่างน้อยในระหว่างที่เขายังรักษาระดับฝีเท้า โดยที่ร่างกายยังไม่ได้ทรยศต่อพรสวรรค์มากนัก เขาอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ โดยเฉพาะกับโทรฟีแชมเปี้ยนลีก ที่ติอาโกยังจำความไม่ได้ในช่วงเวลาที่เมสซีนำบาร์ซาพิชิตยุโรป

 

มันคงจะดีหากสามารถชูถ้วยยูโรเปียนคัพในสนามเมโทรโปลิตาโน สนามของทีม ‘ตราหมี’ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสังเวียนตัดสินนัดชิงแชมเปี้ยนลีกประจำฤดูกาลนี้ ต่อหน้าติอาโกที่เฝ้าจับตาเขาและบาร์เซโลนาอยู่

 

และมันอาจจะดียิ่งขึ้นหากสุดท้ายแล้วเมสซียังไม่ถอดใจจากอาร์เจนตินา และพาทีมพิชิตโทรฟีระดับชาติให้ได้สักใบ ไม่ว่าจะเป็น โคปา อเมริกา ซึ่งมีโอกาสมากกว่า หรือฟุตบอลโลกในอีก 4 ปีข้างหน้า ที่หวังว่าการดูแลร่างกายอย่างดีจะทำให้เขารักษาสภาพร่างกายและฝีเท้ามหัศจรรย์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด

 

เมสซีทำเพื่อตัวเอง เพื่อสโมสร เพื่อทีมชาติ และเพื่อแฟนฟุตบอลมานานแล้ว

 

ครั้งนี้เขาอยากทำเพื่อลูกๆ ของเขาบ้าง โดยเฉพาะ ติอาโก ที่เขาอยากมอบความทรงจำที่งดงามที่สุดไว้ให้ลูกเป็นของขวัญ ให้ได้รู้ว่าพ่อของเขานั้นเก่งกาจยิ่งใหญ่ขนาดไหน

 

อย่าได้แปลกใจกับท่าฉลองประตูใหม่กับท่าเสยผมหน้ากระจก

 

เพราะนั่นคือสิ่งที่เมสซีอยากมอบประตูเหล่านี้ให้แก่ติอาโก ตามคำสัญญาว่าจะทำท่านี้ทุกครั้งที่เขาทำประตูได้

 

และนี่คือเป้าหมายสุดท้ายของเมสซี

 

กับการบอกให้ลูกได้รู้ว่าเขารักมากแค่ไหน

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

FYI
  • ปัจจุบันเมสซีเลิกกิจวัตรในการเดินทางไปพบจิวลิอาโน โพเซอร์แล้วครับ หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมบาร์เซโลนาคนใหม่ต่อจาก อันเดรส อิเนียสตา ที่อำลาทีมไป เนื่องจากต้องการแสดงจุดยืนให้เห็นว่าเขาพร้อมทำตามคำแนะนำของนักโภชนาการประจำทีมคนปัจจุบันคือ ดร.มาเรีย อันโตเนีย ลาซาร์รากา ดาโญ
  • คำแนะนำของ ดร.มาเรีย แทบไม่ต่างจากโพเซอร์ และหนึ่งในคำแนะนำคือ ผู้เล่นทุกคนควรจะได้เติมพลังทันทีหลังจบเกมด้วยพาสต้า สลัด หรือซูชิ เพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสีย ​(สำหรับคุณผู้ชายที่ชื่นชอบการเตะฟุตบอล นี่อาจใช้เป็นข้ออ้างดีๆ ในการไปหาอะไรกินต่อกับเพื่อนหลังจบแมตช์ครับ)
  • เชื่อกันว่าหากเมสซียังใช้ชีวิตแบบเก่า บางทีโลกฟุตบอลอาจสูญเสียนักเตะพรสวรรค์สูงสุดคนนี้ไปก่อนวัยอันควร เหมือนที่เราเคยสูญเสีย ดิเอโก มาราโดนา และสตาร์พรสวรรค์อีกมากมายที่ไม่ดูแลตัวเอง
  • เมสซียังไม่ประกาศการตัดสินใจว่าจะยังเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาต่อหรือไม่ แต่มีการเชื่อกันว่าหากเขากลับมาลงเล่นและสามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปา อเมริกาได้ในปีหน้า (2019) เมสซีอาจประกาศอำลาทีมชาติทันที
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X