นายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ของอิรัก เดินทางไปเยือนเมืองโมซุลเมื่อวันอาทิตย์ (9 กรกฎาคม) เพื่อแสดงความยินดีกับเหล่าทหารที่ช่วยกันปลดปล่อยเมืองโมซุล ให้พ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มไอเอสได้สำเร็จหลังจากถูกยึดครองนานกว่า 3 ปี
สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิรัก ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำอิรักเดินทางเยือนเมืองโมซุล เพื่อแสดงความยินดีแก่เจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงประชาชนชาวอิรัก แก่ความสำเร็จในครั้งนี้
Photo: AHMAD AL-RUBAYE/AFP
สำนักข่าว AFP รายงานว่า นายอาบาดียืนอยู่หน้าเหล่าทหารอิรัก พร้อมกับย้ำว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 3 ปี “ชัยชนะในวันนี้คือแสงสว่างกลางความมืด คือชัยชนะเหนือความโหดร้ายและการก่อการร้าย” พร้อมขอบคุณประเทศพันธมิตรที่ช่วยสนับสนุนการต่อสู้ครั้งนี้
อย่างไรก็ดี นายอาบาดียังไม่ประกาศชัยชนะชิงคืนเมืองโมซุลได้ ‘อย่างเป็นทางการ’ แต่เป็นเพียงการประกาศชัยชนะเหนือไอเอสเท่านั้น เพราะการกำจัดกลุ่มไอเอส ซึ่งเหลืออยู่ไม่มากนักยังไม่เสร็จสิ้น นายอาบาดีแถลงว่า เขาจะประกาศชัยชนะด้วยตนเองก็ต่อเมื่อพื้นที่สุดท้ายของเมืองที่มีนักรบกลุ่มไอเอสหลงเหลืออยู่ได้รับการปลดปล่อยแล้วโดยสมบูรณ์ โดยผู้นำอิรักเชื่อมั่นว่ากองทัพอิรักจะมีชัยชนะอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้นักรบกลุ่มไอเอสที่เหลืออยู่มีไม่มากและถูกปิดล้อมไว้ทั้งหมดแล้ว
กองทัพอิรักระบุว่า การสู้รบที่เมืองโมซุลนั้นรุนแรงที่สุด ในพื้นที่สำคัญของเมือง เนื่องจากเมืองโมซุลเคยเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของไอเอส
Photo: AHMAD AL-RUBAYE/AFP
ทหารอิรักต่างพากันร้องเพลง เต้นรำบนท้องถนน และมีการยิงปืนกลขึ้นฟ้า รวมไปถึงชาวอิรักจำนวนมากออกมารวมตัวเฉลิมฉลองพร้อมโบกธงชาติอิรัก ท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน
ด้านฝรั่งเศสและอังกฤษชาติกองกำลังพันธมิตรที่สนับสนุนโจมตีกลุ่มไอเอสทางอากาศ ออกมาแสดงความยินดีกับอิรักที่สามารถยึดคืนเมืองโมซุลมาได้ เช่นเดียวกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ออกมาชื่นชมกับความสำเร็จในครั้งนี้
สำหรับการสู้รบเพื่อปลดปล่อยเมืองโมซุลจากการยึดครองของไอเอสนั้น เริ่มเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ใช้เวลานานกว่า 9 เดือนจึงเสร็จสิ้น หลังจากที่กลุ่มไอเอสเข้ายึดเมืองโมซุลมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 ก่อนที่จะขยายอิทธิพลออกไปทั่วอิรักและซีเรีย
Photo: AHMAD AL-RUBAYE/AFP
การต่อสู้ครั้งนี้มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน สหประชาชาติประเมินว่ามีประชาชนชาวอิรักในเมืองโมซุลราว 920,000 คนที่ต้องอพยพออกจากเมือง ด้าน UNHCR ระบุ แม้การสู้รบจะยุติลงแต่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยังคงดำเนินอยู่ต่อไป
รัฐบาลอิรักยังมีภารกิจอันใหญ่หลวงครั้งใหญ่อีกนั่นคือ การบูรณะซากเมืองโมซุล ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังต้องต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในพื้นที่อื่นๆ ของอิรัก
นักวิเคราะห์ด้านอิรักจากสถาบันศึกษาสงคราม เตือนว่า การได้เมืองโมซุลคืนไม่ใช่จุดจบของไอเอส รัฐบาลอิรักจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงระยะยาวว่าเอาชนะไอเอสได้จริง เพราะมีโอกาสที่ไอเอสจะกลับมายึดเมืองได้อีกครั้ง
Photo: FADEL SENNA/AFP
อ้างอิง: AFP/CNN/BBC
