เรียกได้ว่า สร้างความแปลกใจให้กับชาวโลกไม่น้อย นับตั้งแต่ต้นปี 2018 ที่ผ่านมา หลังผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนืออย่างคิมจองอึน เปลี่ยนแปลงท่าทีและแนวนโยบายการต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งเดินทางพบผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เกาหลีเหนือในเวทีโลก
ล่าสุด ภายหลังจากที่ผู้นำของเกาหลีทั้งสองประเทศพบปะกัน คิมจองอึนได้ฝากให้ประธานาธิบดีมูนแจอินของเกาหลีใต้ เชิญโป๊ปฟรานซิส พระสันตะปาปาแห่งคริสตจักร นิกายคาทอลิก ให้เดินทางเยือนกรุงเปียงยาง ของเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ โดยผู้นำเกาหลีใต้มีกำหนดการเข้าพบโป๊ปฟรานซิสในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในเกาหลีเหนือล้วนมีข้อจำกัดอยู่มาก ถึงแม้รัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือจะบัญญัติให้อิสรภาพในการนับถือศาสนา ตราบเท่าที่ไม่เป็นการทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐ แต่สถานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาส่วนใหญ่ ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐ โดยไม่มีการอนุญาตให้ประกอบพิธีหรือจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในพื้นที่สาธารณะเป็นอันขาด อีกทั้งนักบวชและพระทั้งหลาย ไม่สามารถพำนักอยู่ภายในเกาหลีเหนือได้เป็นการถาวร นานๆ ทีนักบวชหรือพระจากเกาหลีใต้จึงจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อร่วมประกอบพิธีกับชุมชนชาวคริสต์ในเกาหลีเหนือ
เป็นครั้งแรกที่ผู้นำของโสมแดงมีการเทียบเชิญประมุขของคริสตจักรให้เดินทางมายังเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่สมัยคิมจองอิล ที่เคยเทียบเชิญโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 ให้เยือนกรุงเปียงยางในปี 2000 แต่การเดินทางเยือนในครั้งนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด หลายฝ่ายมองว่า หากการเดินทางเยือนในครั้งนี้เกิดขึ้นจริง น่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ดีสำหรับการสนับสนุนให้เกิดสันติภาพขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี
ทางด้านโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ เป็นไปในทิศทางบวกเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้มีตัวเลือกอยู่ 3-4 ประเทศที่จะใช้เป็นเวทีในการประชุมสุดยอดผู้นำ หรือซัมมิตทรัมป์-คิม รอบที่ 2 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงหลังการเลือกตั้งมิดเทอมนี้ โดยทรัมป์เน้นย้ำว่า “คุณไม่มีการทดสอบจรวด ยิงขีปนาวุธหรือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราถือว่าเป็นพัฒนาการที่เยี่ยมยอดมากๆ และผมเห็นด้วยที่เราจะต้องพบเจอและพูดคุยกันอีก
“พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีกับคิมจองอึน ผมชอบเขา เขาก็ชอบผม ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปได้ด้วยดี”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: