จะฮอลลีวูด บราซิลเลียน หรือเฟรนช์สไตล์ การโกนขน ‘ตรงนั้น’ ก็เป็นเรื่องที่เราได้ยินบ่อยขึ้นทุกวัน ทั้งหญิงและชายเริ่มหันมาสนใจ และมีบริการตัดแต่งขนผุดขึ้นในบ้านเราอยู่เรื่อยๆ แต่คำถามคือ ‘โกนขนแล้วจะเจ๋งหรือเจ๊ง’ มาลองดูกันค่ะ
สถิติการกำจัดขนด้านล่าง
ในเมืองไทยนับว่านิยมกำจัดขนน้อยกว่าในต่างประเทศ หญิงไทยกำจัดขนหัวหน่าวประมาณร้อยละ 10 ส่วนใหญ่เป็นหญิงอายุน้อยหรือวัยรุ่น งานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้หญิงอเมริกันกำจัดหรือเคยกำจัดที่นาผืนน้อยประมาณร้อยละ 91.4 ทีเดียว
เหตุผลที่เรากำจัดขนหัวหน่าว
โดยมากมักเกิดจากสาเหตุใหญ่ๆ 5 ประการดังนี้ค่ะ
1. กำจัดแล้วทำให้ดูดี สะอาด ดูแลสุขอนามัยง่าย
2. เป็นไปตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ เป็นไปตามรสนิยม ดูเหมือนของเด็ก เรียบร้อย ไม่รกรุงรัง
3. เล็มเพื่อให้ใส่เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น เช่น ชุดว่ายน้ำ ชุดรัดรูป กางเกงสีขาว หากขนโผล่มาจ๊ะเอ๋อาจแลดูน่าเกลียด
4. คนรักชอบ หรือต้องการให้ทำ
5. เป็นคนขนดกมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคในการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การทำรักด้วยปาก เป็นต้น
วิธีกำจัดขนหัวหน่าว
เราสามารถกำจัดขนได้หลายวิธีด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นวิธีกำจัดขนชั่วคราว แต่หากมีการทำลายเซลล์ชั้นผิวหนัง (Dermal Papilla) ซึ่งเป็นตัวสร้างขน เช่น ใช้จี้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ ขนเส้นนั้นก็จะไม่งอกอย่างถาวร ทั้งนี้วิธีการจำกัดขนมีดังนี้
1. โกน
วิธีนี้เป็นที่ฮอตฮิตมากที่สุด เพราะง่าย ทำได้เร็ว ใช้งบประมาณไม่มาก และมีอุปกรณ์การโกนใหม่ๆ เช่น มีดโกน เครื่องโกนไฟฟ้า
ข้อดี: ไม่ทำให้ขนหนาขึ้นกว่าเดิม สะดวก ประหยัด รวดเร็ว
ข้อเสีย:
– ต้องโกนบ่อยๆ เพราะขนหัวหน่าวงอกเร็ว โดยงอกยาว 1.2 เซนติเมตรต่อเดือน
– ขนที่ขึ้นใหม่หลังโกนจะเจ็บๆ คันๆ รู้สึกไม่สบาย ทำให้อาจอยากเกาขึ้นมาง่ายๆ จนน่ารำคาญ
– อาจบาดเจ็บเพราะถูกบาด และมีคนไข้อุบัติเหตุเนื่องจากมีดโกนบาดอวัยวะเพศต้องเข้าห้องฉุกเฉินทุกปี
– มีโอกาสแพ้ครีมสำหรับโกน
– อาจเกิดสิวอักเสบ หรือเกิดการอักเสบติดเชื้อจากแผลรอยบาดหลังโกนได้
2. ถอนขน
เป็นวิธีดั้งเดิม โดยสามารถใช้อุปกรณ์ ได้แก่ แหนบ คีม เส้นด้าย หรืออุปกรณ์ถอนขนอื่นๆ วิธีนี้เป็นที่นิยมสำหรับขนหัวหน่าวไม่เปิดเผย แต่มีการรับจ้างถอนขนที่อื่นๆ ตามร้านค้า ร้านเสริมสวย หรือรับจ้างตามบ้านก็มี
ข้อดี: ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย
ข้อเสีย: เจ็บ และอาจทรมานจนทำเองไม่สะดวก หลังถอนแล้วอาจเกิดจุดแดงๆ คัน เป็นรูขุมขนอักเสบ ขนคุดจากการถอนผิดทิศทาง หรือหากอุปกรณ์ถอนและวิธีถอนไม่สะอาดก็อาจเกิดการอักเสบหรือขึ้นฝีได้
Photo: Africa Studio/shutterstock
3. แว็กซ์ขน (Waxing)
หลักการคล้ายการถอนขน เพียงแต่ใช้อุปกรณ์แว็กซ์ขน มีให้เลือกแบบร้อนและเย็น ใช้วิธีทาแล้วดึงแว็กซ์ออก ขนก็จะหลุดออกมาด้วย
ช้อดี: สามารถกำจัดขนออกได้รวดเร็วกว่าการถอน
ข้อเสีย: ไม่ทำลายการสร้างขน ทำให้ขนมักจะขึ้นใหม่ เนื่องจากการแว็กซ์ใช้วิธีดึงขนขึ้นมา และข้อเสียอื่นๆ ใกล้เคียงกับการถอนขน
4. ใช้สารเคมี (Depilation)
นี่คือการสลายเส้นขนให้กลายเป็นเจลแล้วเช็ดหรือล้างออก มักใช้สารไทโอไกลโคเลต (Thioglycolate) สลายส่วนประกอบของขนที่เป็นกำมะถัน (Disulfide Bond) นิยมใช้ก่อนสวมชุดว่ายน้ำ
ข้อเสีย: มักระคายเคืองผิว เจ็บ แสบ คัน บางคนไวต่อสารเคมีมาก หลังทำผิวจะมีสีคล้ำ และเนื่องจากไม่ทำลายการสร้างขน ทำให้ขนจะขึ้นใหม่ภายใน 2 สัปดาห์
5. ฟอกสี
แม้จะไม่ใช่วิธีกำจัดขนให้หายไป แต่การฟอกขนสีอ่อนก็ช่วยทำให้มองไม่เห็นขนได้ โดยสารที่ใช้ฟอกมักจะประกอบไปด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) และกำมะถัน
ข้อเสีย: อาจระคายเคือง คันผิว ผิวใต้ขนที่ย้อมอาจจะพลอยมีสีจางไปด้วย (ใครเคยดูซีรีส์ Sex and the City อาจจำฉากที่ซาแมนธา โจนส์ พยายามทำวิธีนี้จนขนออกมาผิดสีได้)
6. ใช้เลเซอร์ หรือไฟฟ้ากำจัดขน
เนื่องจากวิธีนี้จี้ทำลายถึงเซลล์สร้างขน จึงเป็นการกำจัดขนอย่างถาวร งานวิจัยพบว่า การจี้ครั้งเดียวจะทำให้ขนงอกน้อยกว่าเดิมประมาณครึ่งหนึ่ง และหากใช้หลายครั้ง ส่วนใหญ่ขนมักหายถาวร
ข้อเสีย: เจ็บตอนทำ ระคายเคือง ผิวไหม้ และอาจเกิดรูขุมขนอักเสบได้
คุณอยากกำจัดขนด้านล่างหรือเปล่า?
หากกำลังคิดจะกำจัดขนน้องชาย-น้องสาว ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
– จำเป็นหรือไม่ หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรกำจัด เพราะขน ‘ตรงนั้น’ มีประโยชน์ คือเป็นตัวรับการกระแทกกระเทือนเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ทั้งช่วยป้องกันน้องสาว-น้องชายไม่ให้เสียดสีโดยตรงกับเสื้อผ้าหรือชุดชั้นใน
– หากมองว่ามีขนเยอะเกินไป สามารถตัดเล็มให้เป็นรูปทรงต่างๆ ช่วยให้ดูสะอาด มีรสนิยม และไร้ความเสี่ยงได้
– หากมีความจำเป็นต้องกำจัด ต้องระวังความสะอาด การบาดเจ็บ ติดเชื้อ ควรใช้ครีมฆ่าเชื้อหรือครีมลดการระคายเคืองที่ให้มาพร้อมอุปกรณ์กำจัดขน และทำตามข้อแนะนำ จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของการกำจัดขนได้
ภาพประกอบ: Karin Foxx
