ย้อนกลับไปในวันที่ 4 กันยายน 2004 นักถ่ายทำสารคดีผู้ห้าวหาญอย่าง สตีฟ เออร์วิน จากไปด้วยวัยเพียง 44 ปี หลังจากถูกเงี่ยงปลากระเบนแทงเข้าที่หัวใจขณะกำลังดำน้ำถ่ายทำสารคดีชุด Ocean’s Deadliest แถวแนวปะการัง Great Barrier Reef นอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย และถึงแม้ว่าเขาจะจากไป แต่จิตวิญญาณนักทำสารคดีของเขายังคงเป็นที่จดจำตราบจนวันนี้
สตีฟ เออร์วิน เติบโตมาในบ้านที่เต็มไปด้วยงูสายพันธุ์อันตราย กิ้งก่า นกที่เต็มไปด้วยบาดแผล และจิงโจ้กำพร้า ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวของสตีฟ เนื่องจากเขาเป็นทายาทผู้ก่อตั้งสวนสัตว์ ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเติบโตโดยคลุกคลีอยู่กับสัตว์ป่าและกลายเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ป่า
เมื่อเขาเติบโตขึ้น ครอบครัวได้ย้ายที่อยู่ใหม่และจัดตั้งอุทยานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ท้องถิ่น จนกระทั่งในปี 1992 สตีฟและเทอร์รี (ภรรยา) ตัดสินใจที่จะถ่ายทอดความหลงใหลของพวกเขาสู่สาธารณะด้วยการถ่ายทำสารคดีของตัวเองและโด่งดังในทันทีที่ออกอากาศทางช่อง Animal Planet
The Crocodile Hunter เป็นรายการสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ที่ถ่ายทำทั้งในประเทศออสเตรเลียและหลายประเทศทั่วโลก สตีฟดำเนินรายการอย่างโดดเด่น ทั้งยังมาพร้อมความกล้าและไม่กลัวภัยอันตรายอย่างการจับจระเข้ยักษ์ด้วยมือเปล่าจนได้รับฉายานักล่าจระเข้ตามชื่อรายการ
ภายหลังจาก The Crocodile Hunter สตีฟก็ยังมีผลงานสารคดีตามมาอีกมากมาย เช่น Croc Files, Croc Diaries, New Breed Vets และรายการสุดท้ายของเขา Ocean’s Deadliest
ด้วยรายได้จากรายการสารคดีโทรทัศน์ทำให้สตีฟตัดสินใจเปลี่ยนอุทยานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ท้องถิ่น (Queensland Reptile and Fauna Park) ของเขาให้กลายเป็น Australia Zoo โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้มากขึ้น พร้อมกับขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับสัตว์นานาชนิด
“พวกเราต้องสอนให้ผู้อื่นรู้จักสัตว์ป่ามากขึ้นเสียก่อน พวกเราถึงจะสามารถช่วยสัตว์เหล่านั้นได้” สตีฟกล่าว
สตีฟและเทอร์รียังจัดตั้งมูลนิธิ Wildlife Warriors เพื่อปกป้องและคุ้มครองสัตว์ป่าเพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ ทั้งยังถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้คนที่สนใจ โดยทุกวันนี้ภรรยาและลูกทั้งสองคน บรินดี้ และโรเบิร์ต เออร์วิน ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ของสตีฟในการให้มนุษย์และสัตว์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์