คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนการเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าร้านธงฟ้า 100/200 บาท ให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์พัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคลเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน ซึ่งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ หวังช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีสิทธิ์
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่าหลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการเพิ่มวงเงินให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล
โดยจะได้รับวงเงินเพิ่มสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน
และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือน
ทั้งนี้การเพิ่มวงเงินดังกล่าวดำเนินการมาแล้ว 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 2561) ซึ่งสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับผู้มีสิทธิ์ได้ระดับหนึ่ง
อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวต่อว่า วันที่ 28 สิงหาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนจากการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100/200 บาท เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ์แทน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้ผู้มีสิทธิ์สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เช่น ยารักษาโรค อาหาร รวมทั้งสามารถใช้เงินที่เติมลงบัตรในส่วนนี้เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการกับหน่วยงานหรือร้านค้าที่วางเครื่อง EDC ของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือร้านค้าทั่วไปที่วางเครื่อง EDC ที่มีสัญลักษณ์ PromptCard หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘ถุงเงินประชารัฐ’
ทั้งนี้ผู้มีสิทธิ์เริ่มใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากเงินที่เติมลงบัตรเป็นครั้งแรกจะต้องเปลี่ยนรหัส 6 หลักเดิม (เลขประจำตัวประชาชน 6 หลักสุดท้ายบนหน้าบัตร) จากเครื่อง ATM หรือเครื่อง ADM หรือสาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้ใช้รหัส 6 หลักในการชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐแล้วสามารถใช้รหัสเดียวกันนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนรหัสอีก ตลอดจนใช้ถอนเงินในส่วนนี้ได้ และควรเก็บรักษารหัสไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ์ยังคงวัตถุประสงค์เดิม คือเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย และยังเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์