จีจี้ ฮาดิด และฮาลิมา เอเดน ควงคู่กันขึ้นปกนิตยสาร CR Fashion Book ฉบับเดือนกันยายน ซึ่งเป็นฉบับพิเศษที่ตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรช่วยเหลือสังคมอย่าง UNICEF USA ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างกระแสสู้กับนิตยสารแฟชั่นชั้นนำฉบับเดือนกันยายนเล่มอื่นๆ อย่าง Vogue ที่มาพร้อมโปรเจกต์พิเศษกับบียอนเซ่ หรือ Elle ที่นำเสนอธีมเล่ม Sustainability Issue โปรโมตแคมเปญอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

คารีน รอยต์เฟลด์ วัย 63 ปี อดีตบรรณาธิการของ Vogue Paris และบรรณาธิการของ Harper’s Bazaar คนปัจจุบัน ได้ออกมาทำนิตยสารแฟชั่นของตัวเองในชื่อ CR Fashion Book ออกปีละ 2 ครั้ง และมีมาตั้งแต่ปี 2012 โดยฉบับเดือนกันยายนจะเป็นฉบับที่ 13 และได้นางแบบแนวหน้าสองคนอย่าง จีจี้ ฮาดิด และฮาลิมา เอเดน มาขึ้นปก

โดยคารีนมีเหตุผลที่เลือกนางแบบทั้งสองมาขึ้นปกในครั้งนี้ เพราะจีจี้เป็นทั้งนางแบบและอินฟลูเอนเซอร์ชาวอเมริกัน-ปาเลสไตน์ที่มีพ่อเป็นผู้อพยพลี้ภัยมายังอเมริกา ส่วนฮาลิมาก็เป็นนางแบบมาแรงชาวโซมาลีที่เป็นทั้งผู้อพยพและกลายเป็นแฟชั่นไอคอนของชาวมุสลิม ทั้งสองถูกสไตลิ่งด้วยเสื้อยืดสกรีนลายโลโก้ UNICEF พร้อมแจ็กเก็ตแนว Military จาก Calvin Klein นอกจากนี้ฮาลิมายังสวมฮิญาบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

นอกจากทั้งคู่จะถ่ายแบบขึ้นปกแล้ว พวกเธอยังได้เริ่มต้นแคมเปญ CrowdRise by GoFundMe เพื่อรวบรวมเงินบริจาคให้กับ UNICEF อีกด้วย

“ฉันภูมิใจมากที่ได้เฉลิมฉลองภารกิจการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่าน UNICEF โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่าเด็กๆ และผู้อพยพรอบโลกที่ต้องเผชิญหน้ากับปีที่ยากลำบาก ฮาลิมาเองก็เพิ่งเข้าร่วมกับ UNICEF USA ในฐานะแอมบาสเดอร์ และจีจี้ก็เข้าร่วมเช่นเดียวกัน ฉันต้องการจะนำเสนอภาพหญิงสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทั้งสองคนนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ความสำเร็จและความยึดมั่นของพวกเธอที่ได้ทำสิ่งที่ดีให้กับองค์กร” คารีนกล่าว

ในขณะที่ฝั่งตัวแทนจาก UNICEF USA อย่าง คาริล สเติร์น ได้กล่าวเสริมว่า “อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้สังคมหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ในปัจจุบันมีเด็กลี้ภัยจำนวนมากที่ต้องหลบหนี มากที่สุดนับตั้งแต่สมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องสนับสนุนกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น และช่วยเหลือเด็กๆ ให้มีอนาคตที่ดีขึ้นด้วย”

ล่าสุดจีจี้ได้เดินทางไปร่วมงานกับ UNICEF เพื่อเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองค็อกซ์ บาซาร์ ประเทศบังกลาเทศ ซึ่งมีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาจำนวนกว่า 45,000 คน ในค่ายยังจัดอุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิต ดูแลความปลอดภัย สนับสนุนด้านอาหารการกินอย่างถูกสุขลักษณะ การศึกษา รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับกลุ่มผู้อพยพ จีจี้เองก็ได้ลงไปร่วมเตะบอลกับเด็กๆ ผู้ลี้ภัยในค่ายด้วย

 

This morning we visited the @UNICEF Child Friendly Space in Camp 9 of the Kutupalong Balukhali Refugee Camp, which sole purpose is to let kids be kids !!! ?? As well as psychosocial work to help them get through trauma through activities like art, they also can play sports, learn music, and learn to read & draw (some for the first time in their lives). Separate from educational spaces, the importance of these spaces is huge due to the fact that refugee children can spend a majority of the day working, usually collecting fire wood from miles away so their families can cook, taking care of siblings, helping around the house, etc., and here they can just focus on having fun! ☺️ Kutupalong Balukhali Population: 626,500. This is the “MegaCamp,” it has 23 of the 32 camps within it. Link in my bio to learn more ?? @unicefusa @unicefbangladesh

โพสต์ที่แชร์โดย Gigi Hadid (@gigihadid) เมื่อ ส.ค. 18, 2018 เวลา 12:02am PDT

ส่วนฮาลิมา ตัวแทนผู้ลี้ภัยที่เกิดและโตในค่ายผู้ลี้ภัยที่ประเทศเคนยา ก่อนที่เธอจะย้ายมาสหรัฐอเมริกาเมื่ออายุได้ 6 ปี หลังจากนั้นในปี 2016 ฮาลิมาก็เข้าประกวดเวทีความงาม Miss Minnesota และกลายผู้เข้าประกวดคนแรกที่ใส่ชุดว่ายน้ำของชาวมุสลิม Burkini และฮิญาบ ทำให้เธอเป็นที่สนใจในวงการ ปัจจุบันฮาลิมากลายเป็นนางแบบชื่อดังสังกัด IMG Models ซึ่งเธอได้ขึ้นปกนิตยสาร Allure และ Vogue Arabia ในฐานะนางแบบปกนิตยสารคนแรกที่สวมฮิญาบด้วย

สำหรับใครที่สนใจ สามารถสั่งซื้อ CR Fashion Book ฉบับเดือนกันยายนได้ที่ www.crfashionbook.com (สามารถจัดส่งมาที่ประเทศไทยได้) โดย CR Fashion Book ฉบับที่ 13 จะวางแผงวันที่ 13 กันยายนนี้

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์