วันนี้ (28 ธันวาคม) ที่ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค (แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2) และ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค (แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3) ได้นำทีมผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประชาชน เดินทางเข้าสมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
ณัฐพงษ์ เปิดเผยถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคมีความพร้อมและมั่นใจมากขึ้นทุกวัน โดยจุดเด่นสำคัญคือที่มาของผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ที่มาจากการประเมินความรู้ความสามารถ ไม่มีการแบ่งโควตาตามมุ้งการเมืองเหมือนพรรคอื่น ซึ่งบางพรรคเกิดจากการย้ายมารวมกันเพื่อแบ่งสรรอำนาจ
“เราตั้งเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้พรรคประชาชนมีความเข้มแข็ง เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ถูกฉีกสัญญาอีกต่อไป แม้จะถูกหลายฝ่ายวิเคราะห์กดดันมาตั้งแต่อนาคตใหม่และก้าวไกล แต่เราก็พิสูจน์แล้วว่าทำได้เกินเป้าเสมอ ครั้งนี้เรามั่นใจว่าจะได้รับคะแนนเสียงมากขึ้น แต่จะไม่ประมาทและจะลงพื้นที่พบปะประชาชนให้มากที่สุด” ณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามเรื่องการจับมือทางการเมือง ณัฐพงษ์ระบุถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยและนโยบายมาตรา 112 ว่า ต้องถามกลับไปยังอนุทิน ชาญวีรกูล ว่ารับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้หรือไม่ โดยเฉพาะมาตรฐานจริยธรรมที่ต้องสูงกว่ากฎหมาย รัฐมนตรีต้องไม่พัวพันกับธุรกิจสีเทา ยาเสพติด หรือพนันออนไลน์ หากใครมีอำนาจแล้วมีมลทินควรแสดงความรับผิดชอบโดยไม่ต้องรอคดีสิ้นสุด
ณัฐพงษ์ ย้ำจุดยืนเดิมที่ประกาศไว้ว่า “จะไม่มี สส.พรรคประชาชนคนไหน โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย” ส่วนประเด็น ม.112 ณัฐพงษ์ชี้แจงว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยห้ามนำมาหาเสียง ดังนั้นทั้งอนุทิน และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ควรนำเรื่องนี้มาโจมตีทางการเมืองอีก หากพรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาล เรื่องนี้จะไม่อยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะไม่ได้ใช้หาเสียง แต่ในอนาคตการแก้ไขกฎหมายหรือการนิรโทษกรรม ซึ่งควรครอบคลุมทุกกลุ่มเพื่อความเป็นธรรม จะขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนและการตกผลึกร่วมกันของสังคมผ่านสภาฯ
ณัฐพงษ์ กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับคดี 44 สส. และคดีทางการเมืองอื่นๆ ว่า พรรคได้บริหารจัดการความเสี่ยงไว้หมดแล้ว โดยมีการโยกย้ายผู้สมัครที่มีความเสี่ยงจากถูกกระบวนการนิติสงครามในระบบแบ่งเขต มาลงในระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้สามารถลาออกและเลื่อนลำดับขึ้นมาทดแทนได้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า หากพรรคประชาชนชนะการเลือกตั้ง จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน
สำหรับแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน จะอยู่ในบัญชีรายชื่อ 3 อันดับแรก โดยณัฐพงษ์ระบุว่า ใน 100 รายชื่อจะมีเซอร์ไพรส์ แน่นอน ทั้งนี้ พรรคมีหลักการว่า หากได้เป็นรัฐบาล แคนดิเดตนายกฯ และทีมบริหารที่ได้รับตำแหน่ง จะลาออกจากการเป็น สส. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครลำดับถัดไปได้ขยับขึ้นมาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในสภาฯ ได้อย่างเต็มที่
ในช่วงท้าย ณัฐพงษ์กล่าวถึงกรณีการกาช่องเห็นชอบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในกิจกรรมของ iLaw ว่า เป็นการแสดงออกเพื่อยืนยันสิทธิในการรณรงค์ประชามติ ซึ่งกฎหมายรองรับให้ทำได้ พร้อมตั้งคำถามถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าเหตุใดจึงออกมาแสดงความเห็นในลักษณะที่สร้างความกังวลและสับสนให้แก่ประชาชน ทั้งที่เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย


















