วันนี้ (26 ธันวาคม) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย น.สพ.ศิษฏพล เอี่ยมวิสูตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข และภาคีเครือข่ายด้านพิทักษ์และสงเคราะห์สัตว์ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการดำเนินงานตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 โดยประกาศเตรียมเสนอญัตติต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อขอชะลอ การบังคับใช้ออกไปก่อน เพื่อให้เวลาประชาชนปรับตัวและเตรียมความพร้อมด้านระบบบริการให้ครอบคลุม
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า แม้เจตนารมณ์ของข้อบัญญัติฯ ฉบับใหม่จะมุ่งเน้นการดูแลสวัสดิภาพสัตว์และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์อาจยังไม่ทั่วถึงและการบริการยังไม่สอดรับกับความต้องการ จนเกิดเป็นภาระแก่ประชาชน
ดังนั้น กทม. จึงเตรียมเสนอสภา กทม. ในสมัยประชุมวันที่ 7 มกราคม 2569 เพื่อขอเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ออกไป จากเดิมที่มีกำหนดเริ่มในวันที่ 10 มกราคม 2569 เพื่อเร่งปรับปรุงกระบวนการทำงานและขยายการให้บริการฟรีให้ทั่วถึงเสียก่อน
ด้าน น.สพ.ศิษฏพล เอี่ยมวิสูตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข กล่าวชี้แจงถึงที่มาว่า ข้อบัญญัติฯ ปี 2567 เป็นการปรับปรุงกฎหมายเดิม 3 ฉบับที่ใช้มานานกว่า 20 ปี ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาสัตว์จรจัด ลดความเสี่ยงโรคระบาด และส่งเสริมการเลี้ยงอย่างรับผิดชอบ ผ่านมาตรการสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1. การจดทะเบียนและฝังไมโครชิป 2. การจำกัดจำนวนสัตว์ตามพื้นที่ 3. การจัดการสุขลักษณะ และ 4. การควบคุมสัตว์อันตราย
เพื่อรองรับการชะลอการบังคับใช้ กทม. ได้วางมาตรการเร่งด่วนในการขยายศักยภาพการให้บริการประชาชน 7 ด้านสำคัญ ดังนี้:
1. เพิ่มจุดบริการ One Stop Service (OSS): ขยายเป็น 10 แห่ง ครอบคลุมทั่ว กทม.
2. หน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่เชิงรุก: บริการฉีดวัคซีน ทำหมัน ฝังชิป ถึงชุมชนและบ้าน (กรณีมีสัตว์จำนวนมาก) โดยแจ้งความประสงค์ผ่านระบบ Traffy Fondue เริ่มเดือนมกราคม 2569
3. ขยายเวลาให้บริการ: เปิดบริการนอกเวลาราชการ (จันทร์-ศุกร์ 16.00-20.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ 08.00-16.00 น.) ในจุดที่กำหนด
4. เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่: เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ
5. ระบบจองคิวออนไลน์: ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ลดเวลารอคอย
6. จดทะเบียนออนไลน์: ผ่านเว็บไซต์ https://petregis.bangkok.go.th
7. ดึงคลินิกเอกชนร่วมมือ: อำนวยความสะดวกการจดทะเบียนผ่านสถานพยาบาลสัตว์เอกชนเครือข่ายกว่า 100 แห่ง
ตัวแทนภาคีเครือข่าย อาทิ โรเจอร์ โลหนันท์ (สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย), ชัญญา ผาสุพงษ์ (สมาคมสงเคราะห์สัตว์ฯ) และ ฎายิน เพชรรัตน์ (มูลนิธิ SOS Animal Thailand) ต่างเห็นพ้องกับการเลื่อนบังคับใช้เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัว แต่ยังคงสนับสนุนหลักการของกฎหมาย โดยเฉพาะการจดทะเบียนและฝังไมโครชิป ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่จะช่วยแก้ปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ ระบุตัวเจ้าของได้จริง และช่วยวางแผนงบประมาณดูแลสัตว์จรจัดได้อย่างแม่นยำ
ในช่วงท้าย รองผู้ว่าฯ ทวิดา และ น.สพ.ศิษฏพล ได้ตอบข้อซักถามเพื่อคลายความกังวล โดยยืนยันว่า สัตว์เลี้ยงระบบปิดก็จำเป็นต้องจดทะเบียน เพื่อประโยชน์กรณีพลัดหลง ส่วนกรณี ผู้ที่เลี้ยงเกินจำนวนที่กำหนดอยู่แล้ว สามารถเลี้ยงต่อไปได้จนกว่าสัตว์จะสิ้นอายุขัย เพียงแค่ต้องแจ้งจดทะเบียนตามความเป็นจริง สำหรับไมโครชิปที่ กทม. ใช้ ยืนยันว่าปลอดภัยและได้มาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ารับบริการ ฉีดไมโครชิปและจดทะเบียนฟรีได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขและคลินิกสัตวแพทย์ กทม. ทั้ง 10 แห่ง หรือติดตามหน่วยบริการเคลื่อนที่ใกล้บ้าน
