×

Future of Protection: ประกันยุคดิจิทัลและการเงินส่วนบุคคล

26.12.2025
  • LOADING...
Future of Protection: ประกันยุคดิจิทัลและการเงินส่วนบุคคล

เมื่อก่อนการซื้อประกันชีวิตคือเรื่องของการเลือกแพ็กเกจที่บริษัทประกันออกแบบมาให้กับกลุ่มลูกค้าแบบกว้างๆ (Segmentation) ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริหาร กลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มคนโสด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้พยายามตอบโจทย์ความต้องการโดยรวมของแต่ละกลุ่มให้ครอบคลุมมากที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของเรา แต่ละคนได้อย่างตรงความต้องการ

 

แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้บริษัทประกันเข้าใจและเข้าถึงผู้บริโภคได้ลึกซึ้งขึ้นอย่างมาก ทั้งพฤติกรรมการใช้จ่าย วิถีชีวิต สุขภาพ และเป้าหมายทางการเงิน ความพยายามที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์เป็นรายบุคคลจึงกลายเป็นเรื่องที่ทำได้จริง เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาเปลี่ยนวงการประกันผ่านหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การให้บริการออนไลน์ และการปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะการนำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินค่อยๆ เปลี่ยนจากการออกแบบแบบกลุ่มใหญ่ (Segmentation) มาเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคล (Personalization) มากขึ้น ทำให้ประกันภัยไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือคุ้มครอง แต่ยังกลายเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล

 

Digital Insurance: จากแนวคิดสู่ความเป็นจริง

 

เมื่อพูดถึงการวางแผนทางการเงินและบริหารความเสี่ยง ธุรกิจประกันภัยเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างจริงจัง โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเสนอขาย การจัดการกรมธรรม์ ไปจนถึงการเคลม ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถซื้อและจัดการประกันภัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และได้รับกรมธรรม์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) ที่ปลอดภัยส่งผ่านทางอีเมลได้ทันที

 

สิ่งที่ทำให้ Digital Insurance แตกต่างจากการทำประกันแบบเดิมคือการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ด้วยการให้ข้อมูลที่โปร่งใสและมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การขายผลิตภัณฑ์ คุณสามารถศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ และซื้อประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเบื้องหลังความสะดวกสบายนี้คือการใช้เทคโนโลยีอย่าง Cloud platforms, Data-driven analytics, AI และ IoT เข้ามาวิเคราะห์ความเสี่ยง ปรับราคาเบี้ยประกันให้เหมาะสม และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน กรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) เพื่อยืนยันความปลอดภัยและสามารถจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัลได้สะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารสูญหาย

 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังมีความยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น คุณสามารถเลือกเฉพาะความคุ้มครองที่ต้องการของตัวเอง รวมไปถึงระยะเวลาความคุ้มครองและการชำระเบี้ยได้ตามใจชอบ ทำให้ประกันภัยไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์แบบ “one-size-fits-all” อีกต่อไป

 

InsurTech: เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเกมธุรกิจประกัน

 

InsurTech (Insurance Technology) คือเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้เพื่อเปลี่ยนวงการประกันภัยให้ทันสมัยขึ้น หากจะอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

 

Digital Insurance คือ ภาพรวมของประกันยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ส่วน InsurTech คือ เครื่องมือ หรือ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยมีตัวอย่างหลักๆ เช่น AI และ Generative AI ที่เข้ามาเป็นเครื่องมือในกระบวนการประเมินความเสี่ยง พิจารณากรมธรรม์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการบริการลูกค้า ระบบ chatbot ที่ช่วยเจ้าหน้าที่ตอบคำถามและให้คำปรึกษาเบื้องต้นได้ทันที ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน ขณะที่ระบบเคลมอัตโนมัติ ที่ช่วยตรวจเอกสารและอนุมัติเงินคืนได้ภายในไม่กี่วัน จากเดิมที่อาจต้องรอนานเป็นสัปดาห์

 

Big Data และ Advanced Analytics การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยให้บริษัทประกัน เป็นประกันที่ “รู้ใจ” และเบี้ยที่ “เป็นธรรม” ช่วยเปลี่ยนบริษัทประกันที่ขายแพ็กเกจแบบเหมารวมกว้างๆ มาเป็น Personalized Insurance หรือประกันเฉพาะบุคคลที่ตรงกับไลฟ์สไตล์จริง ใครที่มีพฤติกรรมความเสี่ยงต่ำ เช่น ดูแลสุขภาพดี ก็จะได้เบี้ยประกันที่ถูกลง ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนเกินให้กับความคุ้มครองที่เราไม่ได้ใช้

 

IoT (Internet of Things) อุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ เช่น สมาร์ทวอทช์ หรืออุปกรณ์ติดตามการขับขี่ ช่วยให้เกิดประกันแบบ Usage-Based Insurance (UBI) หรือการจ่ายตามการใช้งานจริง เช่น ประกันรถยนต์ ถ้าขับน้อยจ่ายน้อย หรือขับดีมีส่วนลดเบี้ย ประกันสุขภาพ ยิ่งออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยิ่งสุขภาพดี ยิ่งได้ลดค่าเบี้ยประกัน นี่คือแรงจูงใจชั้นดีที่ช่วยให้เรามีสุขภาพและวินัยที่ดีขึ้นด้วย

 

Embedded Insurance หรือประกันที่ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์อื่น ทำให้การซื้อประกันสะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น การเลือกซื้อประกันการเดินทางพร้อมกับจองตั๋วเครื่องบิน หรือซื้อประกันสินค้าอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกับการซื้อโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องไปหาซื้อประกันแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมี On-Demand Insurance หรือประกันตามความต้องการ ที่มีความยืดหยุ่น สามารถซื้อความคุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการได้ เช่น ประกันสำหรับการเดินทางช่วงสั้นหรือกิจกรรมเฉพาะ

 

Digital Platform & Ecosystem แพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยเชื่อมโยงบริษัทประกันเข้ากับพันธมิตรต่างๆ เช่น โรงพยาบาล หรือศูนย์บริการรถยนต์ ข้อมูลจะถูกส่งถึงกันอย่างรวดเร็ว ทำให้การเคลมสะดวกขึ้น หรืออาจได้รับสิทธิพิเศษจากร้านยาและฟิตเนสในเครือข่าย ทำให้ประกันไม่ใช่แค่เรื่องของความคุ้มครอง แต่คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ดี

 

แนวคิดและเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้จริงในหลายองค์กร ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนในหลายแห่ง

 

FWD: นำเทคโนโลยีสู่ผู้บริโภคไทย

 

เมื่อมองมาที่ประเทศไทย บริษัทประกันชั้นนำในประเทศเราก็กำลังปรับตัวและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น FWD ประกันชีวิต

 

FWD ในประเทศไทยได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัล โดยเริ่มจากพื้นฐานที่สำคัญคือ E-Policy (Paperless) กรมธรรม์ของ FWD สามารถจัดส่งในรูปแบบไฟล์ผ่านอีเมลตรงไปยังลูกค้าได้ทันทีหลังจากได้รับการอนุมัติ เพื่อลดระยะเวลาในการจัดส่งเล่มกรมธรรม์แบบเดิมและช่วยลดการใช้กระดาษ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงกรมธรรม์ได้ทันทีและจัดเก็บได้สะดวก

 

สิ่งที่ FWD ให้ความสำคัญคือการดูแลลูกค้าหลังการขายผ่าน Omne App แอปพลิเคชันที่รวมทุกบริการหลังการขายไว้ในที่เดียว ตั้งแต่รายละเอียดกรมธรรม์ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ การทำเรื่องเคลม การชำระเบี้ย ไปจนถึงการสมัครซื้อประกัน ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองผ่านมือถือ

 

อีกส่วนสำคัญที่ technology สามารถช่วยให้บริษัทดูแลลูกค้าได้ตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น คือ Claim Service ความรวดเร็วในการเคลมค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและกลับบ้านได้โดยไม่ต้องจ่ายค่ารักษาล่วงหน้า เพียงแจ้งชื่อ นามสกุล และบอกว่ามีประกันชีวิตกับ บริษัทฯ ทางโรงพยาบาลจะทำการตรวจสอบสิทธิ์ให้ทั้งหมด หรือหากเป็นกรณีสำรองจ่าย ก็สามารถนำเอกสารมาแจ้งเคลมผ่าน Omne และรอรับการโอนเงินคืนในเวลาที่รวดเร็ว

 

มองไปข้างหน้า: อนาคตของการวางแผนทางการเงิน

 

เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเปลี่ยนประกันชีวิตจากผลิตภัณฑ์มาตรฐานที่ออกแบบให้คนกลุ่มใหญ่ มาเป็นโซลูชันทางการเงินที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะตัวอย่างแท้จริง บริษัทประกันชีวิตพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้แค่ให้ความคุ้มครอง แต่เข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดทางการเงินที่ช่วยวางแผนชีวิตในทุกช่วงวัย

 

ในโลกที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนชีวิต เราอาจสามารถเปิดแอปบนมือถือ แล้วออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการส่งต่อมรดกให้ลูก การสร้างความคุ้มครองในโรคที่กังวล หรือการแบ่งเงินไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศ คุณสามารถกำหนดเองได้ว่าจะจ่ายค่าเบี้ยประกันกี่ปี เลือกระดับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับงบประมาณและไลฟ์สไตล์ ทั้งหมดนี้ออกมาเป็นแบบประกันเฉพาะของคุณภายในไม่กี่คลิกเท่านั้น

 

การวางแผนทางการเงินในยุคดิจิทัลจึงไม่ใช่เรื่องของการเลือกแพ็กเกจที่มีอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของการออกแบบโซลูชันที่เหมาะกับเป้าหมายชีวิตของคุณเอง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising