วานนี้ (18 ธันวาคม) รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเวทีเสวนา ถอดบทเรียนการจัดการมหาอุทกภัย จากปี 54 สู่ปี 68 ที่ สถาบันพระปกเกล้า
รศ. ทวิดา เผยในฐานะหนึ่งในผู้ประสบภัยปี 2554 ว่า ลักษณะของน้ำท่วมกรุงเทพฯ มีความซับซ้อนและยืดเยื้อ แตกต่างจากพื้นที่อื่นที่อาจมาไวไปไว ทำให้การประสานงานในหลายระดับเกิดความยุ่งยาก โดยเน้นย้ำว่า ไม่มีใครสามารถรับมือภัยพิบัติได้เพียงลำพัง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานระดับใดก็ตาม
กทม. จึงได้นำระบบ Incident Command System (ICS) หรือระบบบัญชาการเหตุการณ์มาใช้อย่างจริงจัง เพื่อวางโครงสร้างการทำงานให้ชัดเจนว่าใครทำหน้าที่อะไรในแต่ละสถานการณ์ โดยหัวใจสำคัญของ ICS ไม่ใช่การรวมอำนาจสั่งการไว้ที่คนเดียว แต่เป็นการกระจายบทบาทให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง ซึ่งต้องอาศัยการฝึกซ้อมมากกว่าการเรียนรู้เพียงในตำรา
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลประชาชนใน 2 มิติหลัก:
1. BKK Risk Map (แผนที่ความเสี่ยงกรุงเทพฯ): การจัดทำฐานข้อมูลความเสี่ยงในรูปแบบ Open Data ที่รวบรวมตำแหน่งถังดับเพลิง หัวจ่ายน้ำ กล้อง CCTV และจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกัน ช่วยให้การบริหารจัดการเป็นระบบและลดความรุนแรงของเหตุฉุกเฉินได้
2. การเยียวยาที่ฉับไว: ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเงินสดเป็นการโอนเงิน ทั้งหมด เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน
“การแก้ไขปัญหาไม่ควรนำข้อจำกัดมาตั้งเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง หากทุกฝ่ายร่วมมือกันทลายข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถพัฒนาและก้าวข้ามทุกวิกฤตไปได้” รศ. ทวิดา กล่าวทิ้งท้าย
การเสวนาครั้งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญร่วมให้มุมมอง ได้แก่ รศ.ดร. พนิต ภู่จินดา นายกสมาคมนักผังเมืองไทย และ รศ. พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล จากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ โดยมุ่งเน้นไปที่การออกแบบผังเมืองให้สอดคล้องกับทิศทางน้ำ การสื่อสารในภาวะวิกฤต และการบริหารงบประมาณแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัยพิบัติ


