วันนี้ (10 ธันวาคม) จากกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่ากองทัพไทยได้ทำการยิงแก๊สพิษ (ควันพิษ) เข้าไปในพื้นที่ ต.โอเบยเจือน อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือน โดยกล่าวหาว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงและละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้น
ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ทางกัมพูชาหยุดการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) และบิดเบือนข้อมูลเพื่อหลอกลวงประชาชนของตนเองและประชาคมโลก พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก
กองทัพบกขอยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการยิงแก๊สพิษหรือควันพิษใส่ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ปราศจากพยานหลักฐาน แต่ในทางกลับกัน ข้อเท็จจริงในพื้นที่ระบุชัดเจนว่า กองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มปฏิบัติการทางทหารตลอดแนวชายแดนมาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม
- มีการระดมยิงปืนเล็กและอาวุธหนักเข้าใส่ฝั่งไทยโดยไม่เลือกเป้าหมาย
- ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตรวจพบการยิงจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ใกล้เคียง โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ และเขตชุมชน ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกติกาสากลอย่างร้ายแรง
การปฏิบัติการของฝ่ายไทยจึงเป็นเพียงการใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน โดยจำกัดเป้าหมายเฉพาะพื้นที่ที่มีการปฏิบัติการทางทหารที่ส่งผลกระทบต่อไทยเท่านั้น
ส่วนกรณีที่กัมพูชาอ้างว่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ปราสาทพระวิหารและปราสาทตาควาย ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของไทย โฆษกกองทัพบกชี้แจงว่า หลักฐานด้านการข่าวระบุชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้พื้นที่เหล่านี้เป็นเกราะกำบัง:
- มีการใช้พื้นที่ชุมชน อาคารบ่อนกาสิโน และโบราณสถาน เป็นที่มั่นในการโจมตี
- ตรวจพบล่าสุด ทหารกัมพูชาใช้พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหาร ติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ และระบบแอนตี้โดรน เพื่อเตรียมโจมตีฝ่ายไทย
การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กัมพูชาไม่ได้ให้ความเคารพต่อสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่กลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางทหารและใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย
กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและกฎหมายมนุษยธรรมสากลในทุกมิติ พร้อมเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้ความขัดแย้งบานปลาย โดยเฉพาะการโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทหาร ซึ่งขัดต่อแนวทางการสร้างสันติภาพในภูมิภาค


