วันนี้ (8 ธันวาคม) สุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงจุดยืนกรณีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยระบุว่า ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อมายาวนาน และประเทศไทยควร “Take Action” อย่างเด็ดขาด ด้วยการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาอย่างถาวร
สุรเดชกล่าวว่า เหตุปะทะครั้งล่าสุดสะท้อนว่ามาตรการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า หรือการปิดด่าน ยังไม่เพียงพอ พร้อมชี้ว่า แม้เอกอัครราชทูตกัมพูชาจะเดินทางกลับประเทศ แต่บุคลากรในสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลไทยควรดำเนินการปิดสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทย และนำเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกัมพูชากลับประเทศทั้งหมด
สุรเดชเสนอให้ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตทุกระดับ รวมถึงเวทีความร่วมมือทวิภาคี เช่น JBC, GBC, RBC ตลอดจนบันทึกความเข้าใจ (MOU) ต่างๆ พร้อมย้ำว่า หากกัมพูชามีการรุกล้ำอธิปไตยไทย ควรตอบโต้ทันทีโดยไม่ลังเล
ขณะเดียวกัน สุรเดชเรียกร้องให้รัฐบาลมอบอำนาจการตัดสินใจด้านความมั่นคงให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งกำกับดูแลกองทัพทั้งสามเหล่าทัพ เพื่อดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยระบุว่า ที่ผ่านมาทหารไทยต้องสูญเสียและบาดเจ็บหลายครั้ง และไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป
ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สุรเดชกล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และขอเรียกร้องทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่วมมือกันรักษาผืนแผ่นดินไทยไม่ให้สูญเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
นอกจากนี้ สุรเดชยังเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งแจ้งสถานการณ์ต่อสหประชาชาติ (UN) รวมถึงประเทศที่มีบทบาทสังเกตการณ์ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และมาเลเซีย เพื่อให้รับทราบถึงการกระทำของกัมพูชา โดยเฉพาะมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน
สุรเดชกล่าวด้วยว่า ประเทศอื่นไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเหมือนไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าใจสถานการณ์และไม่สนับสนุนฝ่ายที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นผู้รุกราน
ท้ายที่สุด สุรเดชฝากถึง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าควรแสดงความเด็ดขาดด้วยการตัดความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างถาวร ยุติการค้าขายและการเจรจาทุกช่องทาง พร้อมระบุว่า เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน และควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็น “ของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย”


