หอการค้าไทยย้ำความมั่นคงต้องมาก่อนเศรษฐกิจ พร้อมหนุนรัฐเร่งคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สงบโดยเร็ว
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในนามภาคเอกชนไทย ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีเหตุปะทะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา
โดยขอเรียนย้ำว่า ภาคเอกชนมิได้สนับสนุนให้เกิดความรุนแรง การเผชิญหน้า หรือสงครามในทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประเทศไทยถูกละเมิดอธิปไตย และมีการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างประเทศหลายครั้ง ประเทศไทยย่อมมีสิทธิและความจำเป็นในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนตามหลักสากล
หอการค้าไทยเห็นว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องแยกแยะประเด็นด้าน ความมั่นคง ออกจากประเด็นทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยความมั่นคงของประเทศและชีวิตของประชาชนต้องมาก่อนเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก
“แม้ภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากการปิดด่านการค้าชายแดนที่ยืดเยื้อมากกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการค้าชายแดน การลงทุน และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดข้อเท็จจริงพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กางสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ยืนยัน ‘เกาะกูด’ เป็นของไทย
- พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ‘ขุมทรัพย์พลังงาน OCA’ สำคัญต่อไทยอย่างไร ทำไมอาจช่วยให้คนไทยจ่ายค่าไฟถูกลง?
- กัมพูชายอมแลกอะไรกับสหรัฐ เพื่อให้ได้ 19% เท่าไทย? อุตสาหกรรมอะไรที่กำลังแบกรายได้ชาวกัมพูชา
- เปิดแผนที่ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เจาะลึก 8 เส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจแสนล้าน ค้าขายอะไรกันบ้าง หากปิดด่านใครได้-ใครเสีย
ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็น ต้องได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาด ชัดเจน และยุติโดยเร็ว เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีนานาชาติ และทำให้ระบบเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
หอการค้าไทยจึงขอสนับสนุนรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็ว และโดยสิ้นเชิง รวมถึงการพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและจำเป็น หากต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเห็นว่า การสื่อสารกับนานาชาติระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาครัฐควรเร่งสื่อสาร ทำความเข้าใจ และชี้แจงอย่างเป็นระบบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากประเทศไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่เป็นผลจากการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตยของไทย โดยฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ลดความคลาดเคลื่อน และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
ทั้งนี้ หอการค้าไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงโดยเร็ว นำไปสู่ความสงบเรียบร้อย สันติภาพ และความมั่นคงของประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและประชาชนชาวไทยในระยะยาว
รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 ด่าน และมี 1 ด่าน เป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว 1 เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ
ข้อมูลจากกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ปี 2024 การค้าระหว่างไทยและกัมพูชา มีมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 300,000 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่ไทยส่งออกไปกัมพูชาประมาณ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นการนำเข้าจากกัมพูชา และไทยเกินดุลการค้ากัมพูชาประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ข้างต้น จึงมีการปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาทั้งหมด ส่งผลให้มูลค่าการค้าหายไปกว่า 99.99%


