ถ้าพูดถึงเสน่ห์เรียบง่ายที่ดูร่วมสมัยอยู่เสมออาจต้องยกให้งานดีไซน์ตลอดจนสไตล์ของฝั่งสแกนดิเนเวีย เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์แถบนี้ที่ไม่เพียงแต่ออกแบบเรียบง่ายได้มีเสน่ห์น่าหลงใหลเท่านั้นทว่ายังใส่ใจฟังก์ชันตลอดจนให้ความสำคัญกับวัสดุที่สามารถสะท้อนถึงปรัชญาแห่งความยั่งยืนในทุกมิติได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้เราเลยอยากลองชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับเสน่ห์งานดีไซน์ไปจนถึงอัตลักษณ์สไตล์สแกนดิเนเวียกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านมุมมองของดีไซเนอร์ อ๋อง-วีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ NORSE Republics ที่หลงใหลในเสน่ห์สแกนดิเนเวียนจนต่อยอดสู่การเป็นผู้นำเข้าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และงานดีไซน์จากแถบนี้มายาวนานนับ 10 ปี พร้อมอัปเดตถึงทิศทางและก้าวต่อไปที่จะทำให้คนไทยหลงเสน่ห์แห่งวิถียั่งยืนมากขึ้นเช่นกัน
เริ่มหลงเสน่ห์สไตล์สแกนดิเนเวียตั้งแต่เมื่อไร
ตั้งแต่ตอนไปเรียน Industrial Design ที่อิตาลีครับ ตอนนั้นก็ชอบงานดีไซน์ของยุโรปนะแต่พอเรียนไปได้สักพักหนึ่งแล้วมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวแถบสแกนดิเนเวียเลยทำให้เราเห็นงานดีไซน์แถบนั้นแล้วก็รู้สึกว่าสไตล์งานของอิตาลีไปจนถึงฝรั่งเศสส่วนใหญ่มันจะเป็นอะไรที่ดูหรูหราแบบค่อนข้างตะโกน แต่พองานแถบสแกนฯ เรารู้สึกมันนิ่งๆ เรียบง่าย มันมีความ Timeless อยู่ได้นานกว่า แฝงแนวคิดลึกซึ้ง และดูมีคุณค่าในหลายๆ ด้าน จากนั้นมาก็เลยเริ่มชอบสไตล์สแกนดิเนเวีย แล้วก็หลงเสน่ห์ไลฟ์สไตล์ของคนแถบนี้ด้วยครับ ใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

เสน่ห์ของเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียคืออะไร
อย่างที่รู้กันว่าประเทศแถบนี้ค่อนข้างจะชอบอะไรเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายมันกลับเต็มไปด้วยการใส่ใจรายละเอียดสอดแทรกผสมผสานเข้าไป จนบางทีทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความพิเศษ ไม่น่าเบื่อแล้วก็ไม่เหมือนใคร มันแฝงวิธีการคิดและการใช้ชีวิตของชาวสแกนฯ อยู่ในนั้น ซึ่งตรงนี้แหละคือเสน่ห์ของสแกนดิเนเวีย อีกอย่างเขามีวัฒนธรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์และมีความเชี่ยวชาญเรื่องงานไม้เป็นพิเศษ ถ้ามองย้อนกลับไปรากฐานสำคัญเขาก็มาจากการผลิตเรือไวกิ้งตั้งแต่ยุคโบราณที่ถ่ายทอดกลายมาเป็นทักษะด้านงานไม้จนถึงปัจจุบัน เฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียบางครั้งรูปลักษณ์อาจจะดูธรรมดา แต่ดีไซน์เรียบง่ายนี้กลับอยู่มาได้ทุกยุคทุกสมัยและไม่เคยล้าสมัยเลย มันสามารถเติบโตไปพร้อมกับเราและเป็นหนึ่งในเรื่องราวของชีวิตที่ทรงคุณค่าได้

เอกลักษณ์ของเฟอร์นิเจอร์สายสแกนดิเนเวียเป็นอย่างไร
คือการเน้นใช้วัสดุธรรมชาติเป็นหลักครับ ด้วยความที่เขาเป็นเมืองหนาวแล้วคนแถบนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านค่อนข้างเยอะ เลยให้ความสำคัญกับบ้านและการตกแต่งบ้านเป็นพิเศษ อีกอย่างบ้านต้องมีความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งวัสดุธรรมชาติจะทำให้เรามีความรู้สึกนี้ได้ จุดเด่นอีกอย่างก็คือการใช้วัสดุที่มีคุณภาพประกอบกับการมีช่างฝีมือที่ชำนาญการและมีเทคนิคเฉพาะตัวทำให้มันมีทั้งความคราฟท์และความแข็งแรงในตัว ใช้งานได้นาน
ในด้านดีไซน์จากที่ผมสังเกตดูถ้าเทียบเฟอร์นิเจอร์แถบนี้กับฝั่งอิตาลีหรือฝรั่งเศสนอกจากความเรียบง่ายแล้วอีกสิ่งที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนก็คือเรื่องของขนาด ทั้งที่คนใช้งานในแถบสแกนฯ ค่อนข้างจะตัวใหญ่กว่า หนากว่า สูงกว่า แต่สเกลของเฟอร์นิเจอร์ที่นี่กลับมีขนาดเล็กกว่า ตรงนี้มันมาจากปรัชญาในการใช้ชีวิตของคนแถบนี้ที่ใส่ใจกับความพอดี ความลงตัว ไม่จำเป็นต้องใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานมาเป็นอันดับแรก
กรณีนี้เราอาจเห็นได้ชัดเวลาไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ อย่างเช่นโซฟาเนี่ยแบรนด์ส่วนใหญ่อาจจะมีให้เลือกหลายขนาดมาก แต่แบรนด์ฝั่งสแกนดิเนเวียมักจะทำมาไซส์เดียวเลย หรือไม่ก็มีให้เลือกอย่างมากไม่เกิน 3 ขนาด ตรงจุดนี้ผมเคยถามเขานะครับว่าทำไมถึงไม่ทำหลากหลายขนาดให้เลือกมากกว่านี้ เขาบอกว่าเพราะมันเปลืองโดยใช่เหตุ เกิด waste ขึ้นมากมายหลายมิติ อีกอย่างเขาต้องการอยากให้ผู้บริโภคเข้าใจการใช้งานในแบบที่พอด ไม่ควรใช้อะไรที่เกินความจำเป็น
และอีกด้านเขาใส่ใจเรื่อง Sustainable มากๆ ต้องการจะส่งเสริมเรื่อง Sustainable Furniture นอกจากเรื่องของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมและคุ้มค่าแล้วก็ควรสามารถใช้งานได้ยาวนานไปพร้อมกัน

หัวใจของ Sustainable Furniture คืออะไร
สำหรับผมเฟอร์นิเจอร์คือสิ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด เราใช้ชีวิตกับมันตลอดเวลาทั้งในและนอกบ้าน บางคนอาจมองเรื่อง Sustainability เป็นแค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ความยั่งยืนที่แท้จริงแล้วมันมีหลากหลายมิติมาก เรื่องการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติมันไม่ใช่เรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่การไม่ปรุงแต่งสารเคมีเข้าไปเกินความจำเป็น หรือแม้แต่กระบวนการผลิตที่ไม่ใส่ใจ ก็อาจทำลายธรรมชาติได้ มันกระทบต่อโลกแล้วสุดท้ายมันก็กระทบไปถึงสุขภาพของเราได้ เฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เราจับต้องหรือสูดดมกลิ่นจากมันตลอดเวลา แล้วถ้ามีสิ่งที่เป็นพิษตกค้าง เราก็ย่อมได้รับสารเคมีนั้นไปโดยไม่รู้ตัวด้วย
อีกมิติของความยั่งยืนก็คือการใช้งานได้นานทนทาน ซึ่งมันทำให้ไม่ต้องซื้อของใหม่ ไม่จำเป็นต้องผลิตสิ่งไม่จำเป็นขึ้นมา ใช้ทรัพยากรโลกให้คุ้มค่า แล้วหัวใจสำคัญอีกอย่างของ Sustainable Furniture ก็คือเรื่องของ Well Being มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วิถีชีวิตเรามีสุขภาวะที่ดี แล้วมันก็สอดคล้องกับ Sustainability Development ในหลายมิติด้วย บางคนมองว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ผมมองว่าใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิดเสียอีก
ในบ้านเราคนอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญนัก แต่แถบสแกนดิเนเวียเรื่องของ Sustainability Living กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเขานานแล้ว รวมถึงเรื่องการผลิตเฟอร์นิเจอร์ด้วยที่เขาใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง พยายามพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด

เทรนด์ล่าสุดของเฟอร์นิเจอร์แถบสแกนดิเนเวียเป็นอย่างไรบ้าง หรืออันที่จริงแล้วไม่มีเทรนด์เลย
ส่วนตัวผมมองว่าแถบสแกนดิเนเวียไม่เคยมองเรื่องเทรนด์มาก่อน แล้วก็ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นเทรนด์ด้วย เขาสร้างโปรดักต์ขึ้นก็เพื่อให้ใช้งานไม่ได้สร้างเพื่อให้มันเป็นจุดเด่นดึงดูดความสนใจ อีกอย่างผมคิดว่าเทรนด์ของเฟอร์นิเจอร์สแกนดิเนเวียมันไม่ใช่เรื่องของดีไซน์หรือแฟชั่นแต่มันน่าจะเป็นเทรนด์ของ Sustainability มากกว่า เขามีเป้าหมายชัดเจนว่าในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะต้องพัฒนาระบบการผลิตไปจนถึง Supply Chain ต้นน้ำยันปลายน้ำที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดมลภาวะต่อโลกให้ได้มากที่สุด มันไม่ใช่ระดับแบรนด์ทำแต่เป็นระดับนโยบายประเทศที่ประกอบกับจิตสำนึกที่ดีของสังคม เมื่อ Demand กับ Supply ไปในทิศทางเดียวกันมันก็กลายเป็นเทรนด์ได้เหมือนกัน
นอกจากการใช้งานได้ยาวนานแล้วอีกสิ่งที่เขาใส่ใจไม่แพ้กันคือเมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องทิ้งและกลายเป็นขยะจริงๆ มันก็ต้องสามารถย่อยสลายได้ 100% แบบไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เขามองเป้าหมายยาวไปถึงตรงจุดนั้นเลยทีเดียวครับ

ในฐานะดีไซเนอร์ คิดว่าอะไรคือหัวใจสำคัญของการออกแบบ
ดีไซเนอร์ควรต้องรู้ว่าออกแบบเพื่อตอบโจทย์อะไร เพื่อแก้ปัญหาอะไร เป็นงานดีไซน์ที่มันมีประโยชน์หรือเปล่า อีกอย่างดีไซน์มันควรเริ่มมาจากการตอบโจทย์ฟังก์ชัน ไม่ควรเริ่มจากรูปลักษณ์หน้าตาหรือความสวยงามก่อน พื้นฐานฟังก์ชันดีหน้าตาที่ดีมันจะค่อยตามมา ถ้าหน้าตาดีแต่ฟังก์ชันแย่ยังไงมันก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้เรื่อง
สไตล์การตกแต่งบ้านแบบไหนที่สะท้อนความเป็นตัวเรา
ผมเป็นคนที่ชอบความเก่าผสมความใหม่ ชอบการหยิบโน่นมาผสมนี่ ชอบทำอะไรที่อาจดูไม่เข้ากันแต่ว่าพอเอามาอยู่ด้วยกันแล้วกลายเป็นความน่าสนใจ อย่างเฟอร์นิเจอร์ของที่บ้านผมเองก็มีการเอาสไตล์สแกนดิเนเวียมาผสมผสานกับสไตล์วินเทจ แล้วก็ตกแต่งร่วมกับงานฝีมือไทย สิ่งสำคัญมันไม่ใช่ตกแต่งสไตล์แบบไหนจะสวย หรือต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ดีเท่านั้นถึงจะแต่งบ้านได้สวย แต่มันต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ตัวที่เราชอบ ตกแต่งอย่างไรให้เป็นตัวเรา ให้เป็นสิ่งที่เราเห็นแล้วมีความสุข อยู่กับมันแล้วมีความสุข

แนะนำวิธีเลือกเฟอร์นิเจอร์ (Personal Furniture) อย่างไรให้เหมาะกับตัวเรา
ผมว่าต้องเริ่มจากความชอบก่อน จากนั้นมาดูว่าเราต้องการใช้งานอะไรและจะวางไว้อยู่ตรงไหน อย่างเช่นเราชอบอ่านหนังสือในมุมห้องนั่งเล่น อาจเลือกโซฟาที่นั่งสบาย นั่งได้นาน หรือว่าเราชอบโมเมนต์นั่งกินข้าวร่วมกันกับครอบครัว ก็อาจเลือกโต๊ะที่ไม่ใหญ่นัก เพื่อจะได้นั่งล้อมวงไม่ห่างกันจนเกินไป พูดคุยกันได้สนุกสนานยิ่งขึ้น หรือชอบนั่งเล่นริมระเบียงก็ต้องมาดูขนาดพื้นที่ว่ากว้างเท่าไร จากนั้นค่อยไปเลือกเก้าอี้ให้มันเหมาะสม หรืออย่างโซฟา ต้องถามก่อนว่าต้องการโซฟาห้องรับแขกหรือโซฟาห้องส่วนตัว แบบเอนนอนดูทีวีได้อาจจะเหมาะกับพื้นที่ส่วนตัว
แต่ถ้าเอาไว้รับแขกก็ควรจะเป็นโซฟาที่ทำให้นั่งหลังตรง ให้เห็นหน้ากันถนัด เพื่อทำให้เกิดการสนทนาระหว่างกันได้สะดวก เป็นต้น เพราะเฟอร์นิเจอร์มันก็มีหลากหลายฟังก์ชันไม่เหมือนกัน ควรเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานในแต่ละสเปซด้วย

บางคนอาจยังไม่รู้จักสไตล์ของตัวเอง ช่วยแนะนำวิธีค้นหาสไตล์ที่เหมาะกับตัวเราให้หน่อย
ผมว่าสไตล์มันพัฒนามาจากประสบการณ์ชีวิตของเราครับ เริ่มจากลองสังเกตตัวเองว่าเราชอบไปไหน ชอบทำอะไรก่อนก็ได้ อย่างเช่นร้านอาหารที่เราชอบไปมันมี Mood & Tone อย่างไร เราชอบร้านทึมๆ หน่อย หรือชอบคาเฟ่เรียบง่ายบรรยากาศสว่างสบายตา อะไรพวกนี้มันก็ทำให้เรารู้สไตล์ของเราได้เหมือนกัน หรือพยายามเดินทางเยอะๆ หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ สังเกตว่าตัวเราชอบแบบไหน แล้วก็ลองเอาความชอบนั้นมาใช้กับบ้านของตัวเองดู ก็อาจเห็นสไตล์ของตัวเองได้เหมือนกัน อันที่จริง Personal Taste มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล มันไม่มีอะไรถูกไม่มีอะไรผิดครับ มันไม่จำเป็นที่เป็นสไตล์ที่เหมือนใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบและสะท้อนตัวตนเราหรือเปล่า

ทำไมเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียจึงเหมาะกับเมืองไทย
ผมมองว่า Scandinavian Furniture มันเหมาะกับทุกที่นะ เพราะมันเรียบง่าย เข้าได้กับทุกบริบท มันมีความเป็น Basic Item ที่รองรับการใช้งานมากกว่า แล้วมันก็สามารถเข้ากันได้หมดกับทุกสไตล์ มันไม่ดูน่าเบื่อ สามารถเข้าไปผสมกลมกลืนอยู่ได้ในทุกๆ ที่ อีกอย่างทุกวันนี้วิถีคนรุ่นใหม่มักชอบอาศัยอยู่คอนโดมิเนียม พื้นที่อาศัยเล็กลงกว่ายุคก่อน แล้วเฟอร์นิเจอร์ของสแกนดิเนเวียค่อนข้างเหมาะกับสเปซที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ด้วยขนาดที่พอเหมาะมันก็เลยทำให้ลงตัวกับสเปซที่พอด แล้วผมรู้สึกว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มันเข้าไปใช้งานอยู่ใน Urban Living ได้ดีมากกว่า
ถ้าต้อง Mixed & Match เฟอร์นิเจอร์สแกนดิเนเวียให้เข้ากับสไตล์ไทย มีวิธีแนะนำอย่างไร
ผมว่าเอเชียเรามีรากวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่หลากหลาย แต่ละที่มีอัตลักษณ์ของตัวเองชัดเจน อย่างบ้านคนญี่ปุ่น บ้านคนจีน หรือแม้แต่บ้านคนไทย พอเห็นแวบแรกมันจะมีเอกลักษณ์ของแต่ละชาติบ่งบอกได้ทันที จริงๆ เฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียเป็นอะไรที่ Simple มันนำไปตกแต่งเข้าได้กับทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์วินเทจไปจนถึงโมเดิร์น ความเรียบง่ายมันเข้ากับทุกบริบทได้หมด โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้หรือผ้ามันยิ่งลงตัวกับวัฒนธรรมตะวันออกค่อนข้างมาก ทุกคนมีสไตล์และความชอบเป็นของตัวเอง ยุคนี้เราสามารถผสมผสานวัฒนธรรมของเราให้เข้ากับวัฒนธรรมอื่นได้หมด สิ่งสำคัญก็คือการทำให้สเปซนั้นเป็นเรา เท่านั้นเอง

ก้าวต่อไปของ NORSE Republics จะเป็นอย่างไร
ถ้ามองจากจุดเริ่มต้นวันนี้เรามาได้ไกลทีเดียว จากที่เริ่มต้นด้วยแบรนด์เดียวตอนนี้เราก็นำเข้ามามากกว่า 15 แบรนด์แล้ว โอกาสครบรอบ 10 ปีครั้งนี้นอกจากเราจะรีโนเวต NORSE Store ใหม่ทั้งหมด มีโซนจัดแสดงที่สะท้อนตัวตนของแต่ละแบรนด์ชัดเจนขึ้น เรายังเพิ่มพื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการเพื่ออยากให้ความรู้ในด้าน Furniture & Design ด้วย

นอกจากนี้ยังมีโซน Book Corner Curated by NORSE ที่เราจะคัดสรรหนังสือจากทั่วโลกมาสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องของไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ รวมถึงมีโปรเจกต์ที่เราจะทำร่วมกับ Local Designer และนักสร้างสรรค์ไทยอีกมากมายด้วย อย่างโปรเจกต์แรกเลยก็จะเป็น NORSE X O.B.A Home Fragrance ซึ่งก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่เราร่วมมือกับแบรนด์ไทยเพื่อสร้างสรรค์สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศภายในบ้านกลิ่น ROSEN ขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากความเงียบสงบในป่าสนนอร์ดิก แล้วก็ยังมีอีกมากมายยังไงคงต้องฝากติดตามกัน เพราะเราอยากให้แบรนด์มันเป็นไลฟ์สไตล์มากกว่าแค่การเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ครับ

นิทรรศการแรกคืออะไร
นิทรรศการแรกนี้ก็คือ Jean Prouvé Exhibition: The Art of Construction จัดแสดงผลงานระดับมาสเตอร์พีซของดีไซเนอร์ในตำนานอย่าง Jean Prouvé (ฌอง พูร์เว่) ถือเป็น Exclusive Exhibition เลยครับเพราะเราทำงานกับ Vitra ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก แล้วก็ต้องไปคุยกับสายตระกูลของฌอง พูร์เว่เพื่อขออนุญาตและขอข้อมูลในการทำนิทรรศการครั้งนี้ด้วย มันเป็นอะไรที่พิเศษจริง ๆ แล้วเราก็อยากให้เกียรติกับ Master Designer ระดับโลกท่านนี้ด้วย สำหรับไฮไลต์เด่นก็จะเป็นการจัดแสดง Antony Limited Edition 2025 เก้าอี้ดีไซน์ร่วมสมัยสุดคลาสสิกที่เกิดจากการนำเอาโมเดล Antony ดีไซน์ดั้งเดิมระดับตำนานของฌอง พูร์เว่ซึ่งผลิตขึ้นในปี ค.ศ.ศ. 1954 กลับมาผลิตใหม่อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งโมเดลนี้กำลังได้รับความสนใจไปทั่วโลกเลยครับ ใครสนใจก็สามารถเข้าชมได้ฟรีตั้งแต่ 15 พ.ย. 2568 – 31 มี.ค. 2569 ที่ NORSE Store ซอยสุขุมวิท 49 ครับ

ทำไมถึงเลือกจัดนิทรรศการด้านเฟอร์นิเจอร์และดีไซน์ให้คนไทยได้ชม
ผมเป็นคนชอบเฟอร์นิเจอร์ครับ แต่ไม่ได้ชอบเพราะรูปร่างหน้าตาหรือฟังก์ชันการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่เรากลับชอบเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนที่มันจะออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งด้วย ผมชอบเรื่องราวของดีไซเนอร์ เรื่องราวของผู้ผลิต เรื่องราวของแรงบันดาลใจในการออกแบบ ไปจนถึงเรื่องราวของวัสดุที่เลือกใช้ เราเลยอยากนำสิ่งนี้มาเลเล่าให้กับคนที่ชอบอะไรเหมือนเราหรือชอบงานดีไซน์ได้ฟังบ้าง สำหรับตัวผม ผมไม่ได้มองว่า NORSE Republic เป็นผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียว ผมต้องการให้มันเป็นสังคม เป็นไลฟ์สไตล์ เป็น Community ของคนที่รักและชื่นชอบงานดีไซน์ ทุกวันนี้เราก็ดีใจมากที่งานดีไซน์เริ่มเข้าไปอยู่ในชีวิตของคนไทยมากขึ้น ผมมองว่าเรื่องดีไซน์อันที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งใกล้ตัวเรา มันไม่ได้ไกลตัวเลย มันไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นอาร์ติสต์หรือต้องเป็นดีไซเนอร์เท่านั้นถึงจะชอบงานดีไซน์ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรหรือเป็นใครเราสามารถชอบและเข้าใจดีไซน์ได้หมด
ภาพ: NORSE Republics


