วันนี้ (29 พฤศจิกายน) พัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี อุทกภัยภาคใต้ และจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ระดับน้ำรอบโรงพยาบาลหาดใหญ่ลดลงจนเริ่มฟื้นฟูระบบต่างๆ ได้ โดยระบบสื่อสาร กสทช. และเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เข้าติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณ สามารถใช้งานได้ดี
สำหรับระบบไฟฟ้า ได้รับการสนับสนุนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคติดตั้งเครื่องปั่นไฟขนาด 500 กิโลวัตต์ ระบบแก๊สทางการแพทย์ มีการเติมออกซิเจนเหลวปริมาณ 3 ตัน เพื่อใช้งานกับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องให้ออกซิเจนได้
ขณะที่ระบบห้องยา คงเหลือใช้ได้เฉพาะห้องยาผู้ป่วยใน อยู่ระหว่างวางแผนเปิดห้องยาผู้ป่วยนอกโดยใช้ห้องประชุมแทน ส่วนระบบห้องปฏิบัติการ (LAB) ใช้ได้เฉพาะแถบชุดตรวจ ได้ประสานห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลนาหม่อมและโรงพยาบาลสงขลา ช่วยตรวจในรายการที่จำเป็น
ตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ได้รับการสนับสนุนบุคลากรจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช รวมถึงมีบุคลากรจากกรมการแพทย์มาปฏิบัติงานเพิ่มเติม ทำให้ยังสามารถให้บริการผู้ป่วยในที่คงเหลือ 297 คน ได้ โดยใช้อาคาร 600 เตียง เปิดให้บริการรวม 13 วอร์ด และจะมีการดึงข้อมูลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ขาดนัดช่วงน้ำท่วม เพื่อติดตามอาการและจัดส่งยาให้ด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เปิดสายด่วน 1667 ให้ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมหาดใหญ่ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับระบบบริหารจัดการศพผู้เสียชีวิตในช่วงอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เป็นศูนย์กลางในการรับและชันสูตรศพ ซึ่งคาดว่าหลังน้ำเริ่มลดจะสามารถเก็บกู้ร่างของผู้เสียชีวิตได้มากขึ้น โดยส่งทีมแพทย์นิติเวชพร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัดลงพื้นที่ช่วยสนับสนุนการชันสูตรศพ โดยมีทีมนิติเวชอาสารวม 40 ราย แบ่งเป็น แพทย์นิติเวช 20 ราย และเจ้าหน้าที่ด้านนิติเวช 20 ราย และแพทย์นิติทันตวิทยา จำนวน 7 ราย ที่สามารถทำงานด้านนิติเวชในการพิสูจน์อัตลักษณ์จากฟันร่วมภารกิจ
กรณีที่ไม่สามารถเก็บอัตลักษณ์จากกระดูกหน้าอกหรือหน้าขาได้ เพื่อให้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์และส่งศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาได้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต ได้ส่งทีม MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อดูแลจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ 35 ทีม จำนวน 140 คน ครอบคลุมในทุกศูนย์พักพิง พร้อมจัดทีมสหวิชาชีพเตรียมเปิด “คลินิกสุขภาพใจ โดยกรมสุขภาพจิต” เพื่อดูแลผู้ที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์พักพิง ณ เทศบาลนครหาดใหญ่ และเปิดให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านสุขภาพจิตของประชาชนอย่างใกล้ชิด
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เร่งดำเนินการฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยนำทีมปฏิบัติการสนับสนุนระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน หรือ ทีม MSERT (Medical Supportive Emergency Response Team) ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้กำลังใจและมอบชุดสนับสนุนการปฏิบัติงานแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ และโรงพยาบาลสนาม เพื่อสรุปข้อมูลความเสียหาย และวางแผนการฟื้นฟูระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณูปโภคที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นให้โรงพยาบาลหาดใหญ่สามารถกลับมาเปิดให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนโดยเร็วที่สุด
