บีไอจีส่งออกซิเจนช่วย ‘รพ.มอ.’ กกพ. เกาะติดระบบไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าภาคใต้ แม้ต้องปรับส่งก๊าซจากแหล่ง JDA-A18 รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันที่ 26 พ.ย. อรลา เจริญลาภ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บีไอจี กล่าวว่า บีไอจีส่งออกซิเจนเหลวทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) และมีทีมวิศวกรได้เข้าประจำพื้นที่เพื่อรับมือเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัย โดยท่อออกซิเจนสำรองและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะสามารถลำเลียงถึงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน
“บีไอจีตระหนักถึงความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมในหาดใหญ่ จึงเร่งจัดส่งออกซิเจนให้โรงพยาบาลสงขลานครินทร์โดยทันที พร้อมได้รับความช่วยเหลือในการลำเลียงจากกองทัพภาคที่ 4 ค่ายเสนาณรงค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ บีไอจีได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดส่งเป็นไปอย่างราบรื่นและทันต่อความต้องการ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพตามมาตรฐาน แม้ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากภัยพิบัติครั้งนี้
‘กกพ.’ เฝ้าระวังระบบไฟฟ้าใกล้ชิด
ด้าน ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. ประจำเขต 12 จังหวัดสงขลา (สข.12) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าและระบบก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ดังนี้
- โรงไฟฟ้าจะนะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หยุดเดินเครื่องชั่วคราว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 18.56 น. หลังระดับน้ำรอบโรงไฟฟ้าสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย PTT Shipper ได้จัดส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA–A18 ไปยังระยองทดแทนประมาณ 80 พันล้านบีทียูต่อวัน (BBtu/d)
- โรงไฟฟ้าขนอม เพิ่มการเดินเครื่อง 2 หน่วยการผลิต เพื่อรักษากำลังผลิต และชดเชยก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA–A18 ด้วยการใช้ก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยเพิ่มขึ้น
- แผนสำรองในกรณีโหลดภาคใต้เพิ่มขึ้น กฟผ. เตรียมเดินโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคใต้ และโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพไฟฟ้าของประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าว ภาพรวมระบบผลิตไฟฟ้า การส่งก๊าซธรรมชาติ และ LNG Inventory ของประเทศยังคงมีเพียงพอและปลอดภัย


